PTTGC ปี 67 ขาดทุน 2.98 หมื่นลบ. ควักกำไรสะสมปันผล 0.50 บาท XD 3 มี.ค.

HoonSmart.com. “พีทีที โกลบอล เคมิคอล” (PTTGC) เปิดงบปี 67 พลิกขาดทุนสุทธิ 29,810 ล้านบาท จากปี 66 กำไร 999 ล้านบาท รายได้จากการขายลดลง 2% เหตุธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังอยู่ในภาวะอ่อนตัวต่อเนื่อง รายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นลดลง ขาดทุนสต็อกน้ำมันและปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ทั้งขาดทุนเงินลงทุน ด้านงบไตรมาส 4/67 ขาดทุน 11,738 ล้านบาท บอร์ดเคาะนำกำไรสะสมจ่ายปันผลประจำปีอัตรา 0.50 บาท ขึ้น XD 3 มี.ค.68

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2567 พลิกขาดทุนสุทธิ 29,810.55 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 6.62 บาท จากงวดปี 2566 กำไรสุทธิ 999.13 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.22 บาท

บริษัทฯ ชี้แจงปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 604,045 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 2% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากรายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นที่ปรับตัวลดลงจากราคาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปและกลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่ลดลง แม้ว่าปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมีขั้นกลางเนื่องจากในปี 2566 มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงโมโนเอทิลีนไกลคอลในช่วงครึ่งปีแรก และโรงงานฟีนอลหน่วยที่ 2

ภาพรวมในปี 2567 บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 31,766 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 17% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากผลประกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์โรงกลั่นที่อ่อนตัวลงตาม GRM โดยส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบปรับลดลงเป็นหลัก และผลประกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังคงมีปัจจัยกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวทำให้อุปสงค์ยังคงชะลอตัวและอุปทานของภาคปิโตรเคมีที่เข้ามาในระหว่างปี

นอกจากนี้บริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน (Stock loss) และรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (NRV) รวม 2,457 ล้านบาท กำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวม 383 ล้านบาท บริษัทฯมีผลขาดทุนจากเงินลงทุนที่รับรู้ในปีนี้จำนวน 1,462 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงในปีนี้โดยเฉพาะธุรกิจโพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ที่ปรับลดลงตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PVC เป็นหลัก

สำหรับงวดในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 132,372 ล้านบาท ลดลง 11% จากไตรมาส 3/2567 และลดลง 18๔ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปปรับลดลง สอดคล้องกับราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบโลกที่ปรับลง และกลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่ราคาปรับตัวลดลงในไตรมาสนี้เป็นสำคัญ นอกจากนี้สถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังคงมีความท้ายทายจากปัจจัยกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำแม้ว่าจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีน

บริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 2,663 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 68% โดยหลักจากธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความกดดันจากปัจจัยทั้งในด้านภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ปลายทางของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และการเริ่มดำเนินการของกำลังการผลิตใหม่ในตลาดโดยเฉพาะจากประเทศจีน ส่งผลให้ราคาขายเม็ดพลาสติกโพลิเอทีลีนเฉลี่ยปรับตัวลดลง และส่วนต่างราคากลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวลดลง สำหรับธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่น (GRM) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีGRM ในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 3.7 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และผลประกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษลดลงจากกลุ่มบริษัท Vencorex และการปรับลดตามฤดูกาลของธุรกิจอื่นๆในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและอเมริกา ทำให้ปริมาณการขายของบริษัท allnex ปรับลดลง

นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯยังรับรู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับราคาสัญญาซื้อวัตถุดิบอีเทน จากบริษัท ปตท. (PTT) ย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับเพิ่มขึ้น และรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน (Stock loss) และกลับรายการการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (NRV Reversal) รวมเป็นกำไร 941 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงด้านราคา 253 ล้านบาท ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิผลกำไร
จากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นขาดทุน 1,033 ล้านบาท

บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 725 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนในธุรกิจปิโตรเคมียังคงอ่อนตัว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโพลิโพรพิลีนเป็นหลัก อีกทั้งนี้บริษัทฯได้มีการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ไปในไตรมาส 3 ปี 2567โดยในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯ รับรู้ประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามความคืบหน้า โดยมีประมาณการหนี้สินของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของกลุ่มบริษัท Vencorex จำนวน 1,455 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท PTTAC ได้มีมติอนุมัติแผนยุติการดำเนินกิจการของ PTTAC ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งประมาณการหนี้สินของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของ PTTAC จำนวน 2,836 ล้านบาท เมื่อรวมผลกระทบดังกล่าวทำให้บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิรวม 11,738 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2567

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 2,254 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะจัดสรรจากกำไรสะสม กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 4 มี.ค.2568 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 3 มี.ค.2568 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เม.ย.2568