HoonSmart.com>>หุ้น OKJ ร่วง 22.44% ผิดหวังกำไรไตรมาส 4/67 ต่ำกว่าคาด จากอัตรากำไรอ่อนลง-ค่าใช้จ่ายสูงกว่าคาด บล.กรุงศรีเล็งไตรมาส 1/68 ดีขึ้นจากรายได้สาขาใหม่ที่เพิ่งเปิด 18 สาขาในครึ่งหลังปี 67 จะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายได้ พร้อมคงประมาณการกำไรปี 68-70 คาดโตเฉลี่ย 25% ต่อปี
เมื่อเวลา 10.30 น.หุ้น OKJ ร่วง 22.44% มาที่ 12.10 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลคค่าซื้อขาย 476.06 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 12 บาท ขึ้นสูงสุด 12.80 บาท และต่ำสุด 11.50 บาท
บล.กรุงศรี ระบุ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) รายงานกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2567 ต่ำกว่าที่คาดไว้ ด้วยอัตรากำไรที่อ่อนตัวลง และค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาด จึงคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 343 ล้านบาท โดยคาดรายได้จากสาขาที่เร่งเปิดในข่วงปลายปีที่ผ่านมาจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ คาดการเติบโตกำไรมาจากคาดแนวโน้มยอดขายสาขาเดิมที่เป็นบวก แผนการขยายสาขา และคาดอัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น จึงยังคงคาแนะนำ“ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 17 บาท
กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2567 เติบโต 7% yoy แต่ลดลง 35% qoq มาที่ 39 ล้านบาท กำไรต่ำคาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่าคาด (จากการเปิดสาขาใหม่) ส่งผลให้กำไรลดลง qoq อย่างไรก็ตาม กํารเติบโต yoy มาจากรายได้เติบโต 40%yoy(และ 10%qoq) มาอยู่ที่ 697 ล้านบาท (เป็นไปตามคาด) ด้วยยอดขายที่เติบโตในทุกแบรนด์และการขยายสาขา (จาก 33 สาขา ณ สิ้นปี 2566 เป็น 57 สาขา) และอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่คาดที่ 43.9% (เทียบกับ 45.2% ในไตรมาส 3 ปี 2567 และ 44.7% ในไตรมาส 4 ปี 2566) เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่สูงขึ้น (จากการขยายไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายสูงกว่าที่คาดที่ 37% เนื่องจากการเปิดสาขาใหม่และค่าใช้จ่ายในการเปิดตัว Brand Admirer และเมนูใหม่สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2567 มีกำไรสุทธิ 202 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 43% yoy) จากโดยการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง (SSSG+7.7%) และการขยายสาขา
แนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ของสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ โดยเฉพาะ 18 สาขาที่เปิดในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลง เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับ Brand Admirer ที่บันทึกในไตรมาส 4 ปี 2567
โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2568-2570 โดยคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี จากคาดรายได้ที่เติบโต 19% ต่อปี จากยอดขายสาขาเดิมที่เติบโต 5% และการเพิ่มจำนวนสาขา (จาก 57 สาขาในปี 2567 เป็น 84 สาขาในปี 2570) รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น 45.5% สนับสนุนโดยสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากแบรนด์ที่มีอัตรากำไรสูง ทั้งนี้ ประเมินว่าการเปลี่ยนแปลง 1% ในอัตรากำไรขั้นต้นและสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกำไร 8%