CGSI คาดหุ้นวันนี้แกว่งตัว ระวังการซื้อขายก่อน”ทรัมป์”รับตำแหน่งปธน.

HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดดัชนี SET แกว่งตัวในกรอบ 1,340-1,360 จุด ระวังการซื้อก่อน”ทรัมป์”เข้ารับตำแหน่งประธาธิบดีสหรัฐ 20 ม.ค.นี้ ส่วนในประเทศเกาะติดงบฯไตรมาส 4/67 กลุ่มแบงก์ พร้อมเชียร์ CRC, KBANK

บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,340-1,360 จุด และ ระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 20 ม.ค. ขณะที่ปัจจัยในประเทศจะเริ่มมีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร

โดยประมาณการจากธนาคารที่เราทำการศึกษาจะทำกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2567 เติบโต yoy จากอัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลง แต่ลดลง qoq เพราะผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ เราคาดว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเติบโตแข็งแกร่ง yoy ในไตรมาส 4 ปี 2567 จากการบันทึกกำไรจากการเงินลงและกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งยังแนะนำ Neutral ในหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะคาดว่ากำไรก่อนตั้งสำรองจะเติบโตลดลง และมี ROE เพียง 9.0% ในปี 2568-2569

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยล่าสุด
1) ในงาน CPAXT Open House 2568 ได้เปิดเผยถึงแผนที่จะมุ่งเน้นการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยเรามองว่าการตั้งเป้า SSSG ท่ามกลางสภาวะการบริโภคที่ชะลอตัว แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากแผนการควบรวมกิจการจะเป็นไปได้ แต่การเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงสินค้าและประสิทธิภาพอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย

2) หลังการปราศรัยของนายทักษิณกรณีลดค่าไฟลงเหลือ 3.70 บาท/หน่วย ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าไปแล้วนั้น ล่าสุด กกพ. เสนอลดค่าไฟทันที 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาท/หน่วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการขานรับจากภาคเอกชนออกมา

หุ้นแนะนำ CRC เชื่อว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปี 2568 เพราะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนอกจากจะทำให้ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายของ CRC อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการแข็งแกร่ง รวมถึงมีปัจจัยบวกจากมาตรการ Easy E-receipt ที่เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้เป็นวันแรก (16 ม.ค.-28 ก.พ.) (Take profit : 36.75 / Stop loss : 34.00)

KBANK สำหรับการ Trading ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวน หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา -1.2% เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) รวมถึงเก็งกำไรก่อนการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ของหุ้นกลุ่มแบงก์ (Take profit : 163.5 / Stop loss : 158.0)

ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงมาปิดแดนลบอีกครั้ง เพื่อรอรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มเติม สำหรับประเมินทิศทางการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงสุนทรพจน์ของนายโดนัล ทรัมป์ ที่จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า (20 ม.ค.) และ การเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ของบจ. เพิ่มเติม หลังรายได้ไตรมาส 4 ปี 2567 ของ United Health ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ได้ฉุดราคาหุ้นลงกว่า -6.0% ขณะที่ ผลประกอบการของ Morgan Stanley (+3.9%) ออกมาสดใส

ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่ได้มีการเปิดเผยออกมานั้น ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยดัชนียอดขายปลีกเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% mom ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.6% (เดือนพ.ย. 0.8%) และ Core retail sales เติบโต 0.4% mom ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.5% (เดือนพ.ย. 0.2%) ขณะที่ Initial jobless claim เพิ่มขึ้น 14,000 คน สู่ระดับ 2.17 แสนคน สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.1 แสนคน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่ชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ที่เติบโตระดับ 44.3 สูงกว่าตลาดคาดที่ -5.0 (vs. เดือนธ.ค. -10.9) ส่งผลให้ตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มที่เฟดจะชะลอการลดดอกเบี้ย ท่ามกลางการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกผู้ว่าการเฟด ที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลงมาที่ระดับ 4.62% ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า +1.2%

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมาปิด -1.7% หลังมีคาดการณ์ว่ากลุ่มกบฏฮูตีอาจหยุดโจมตีเรือในทะเลแดง จากข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา รวมถึงแรงกดดันจากแนวโน้มการชะลอลดดอกเบี้ยของเฟด

สำหรับตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นวันนี้ติดตามรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของจีน และข้อมูลเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของยูโรโซน รวมถึงรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเดือนม.ค. จาก IMF