PIS ผู้นำ IT Solution พื้นฐานแน่นเสี่ยงต่ำ – ผลงานเติบโตได้ยาว

HoonSmart.com >> PIS ผู้นำ IT Solution พื้นฐานแน่นเสี่ยงต่ำ – ผลงานเติบโตยาว ลูกค้างานภาครัฐ 90% ของรายได้ เติบโตตามแผนพัฒนาดิจิทัลของไทย 

เบญญาภา เฉลิมวัฒน์

ภาพรวมของธุรกิจบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์ โดยรวมยังคงขยายตัวในอัตราสูง 2 หลักต่อปี โดยปี 2565 ขยายตัวเพิ่มขึ้้น 23.8 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการปรับตัวด้าน Digital transformation ซึ่งเป็น Global megatrends รัฐบาลไทยได้ กำหนดแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศ ไทย พ . ศ. 2566 -2570 เพื่อยกระดับการให้บริการภาครัฐให้ สะดวก โปร่งใสทันสมัย และตอบโจทย์ประชาชน โดยเป้าหมายสำคัญ คือ การยกระดับดัชนีการพัฒนารัฐบาล ดิจิทัล ( E -Government Development Index: EGDI) ให้อยู่ในอันดับที่ 40 ของโลกภายในปี 2570 จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับที่ 53  ดังนั้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ICT ย่อมได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน

บริษัท โปร อินไซด์  (PIS) เป็นผู้ให้บริการออกแบบ พัฒนา ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT-Solutions) โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจ เป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.งานระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพแบบครบวงจร (Physical Security Solution) อาทิ ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV Solution) ,ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถ , 2.งานแอปพลิเคชันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT Application Solution) , 3.งานบริการระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Integration Services) ครอบคลุมการบริการ จัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

ภายใต้แกนนำของ “เบญญาภา เฉลิมวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIS และทีมงานมืออาชีพ  ร่วมกันผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 20 ม.ค.2568  ขายหุ้น IPO จำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น หรือ 25.93% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO

วัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินวางเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินออกหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee: LG) ให้กับงานโครงการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานโครงการแก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ

“การเข้าระดมทุนครั้งนี้ของ PIS ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพการเติบโต และเพิ่มโอกาสในการรับงานของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่าสูงขึ้น จากฐานทุนที่มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนการเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ที่มีความจำเป็นต้องมีการยกระดับและพัฒนาระบบไอทีของประเทศ” เบญญาภากล่าว

เงินระดมทุน ช่วยเพิ่มศักยภาพการประมูลงานเพิ่มมากขึ้น มากกว่า 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่เข้าประมูลงานโครงการมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่มองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรม ICT ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายรัฐที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง ซึ่งภาครัฐลงทุนด้านเทคโนโลยีราวแสนล้านต่อปี ส่งผลให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้ให้บริการด้าน ICT Solution แก่ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

สำหรับโครงการเด่นที่ PIS ดำเนินการ เช่น โครงการ USO NE3 Zone ร่วมกับ ICN โดยมี กสท. เป็นเจ้าของโครงการ มูลค่างานของ PIS ราว 1.1 พันล้านบาท  งานระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพแบบครบ วงจร สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงราย ภูเก็ต โดย มี AOT เป็นเจ้าของโครงการ รวมถึงโครงการพัฒนาระบบนิ เวศศูนย์ดิจิ ตอลชุมชนฯ 1,722 แห่ง (ONDE DGTCENT) และโครงการระบบ Cloud กลางด้านสาธารณสุขร่วมกับ SKY มูลค่า 1.1 พันล้านบาท

ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 – 2566 มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 674.61 ล้านบาท, 642.61 ล้านบาท, 1,075.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 36.35%,  4.74%, 67.32% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนตามลําดับ

ส่วนกำไรสุทธิในปี 2564 – 2566 และงวด 3 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) บริษัทฯมีกําไรสุทธิ 87.52 ล้านบาท 18.68 ล้านบาท 104.03 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ 12.97% 2.91% 9.68% ของรายได้รวมตามลำดับ

ล่าสุดงวด 9 เดือนแรกของปี 67 มีรายได้รวม 988.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.38% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 67.88 ล้านบาท โดย PIS มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปี 2567 จะเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ หลังจากหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เดินหน้าเปิดประมูลงานและขยายงานตามแผน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการส่งมอบงานและเข้าประมูลงานใหม่ของบริษัทฯ สนับสนุนผลงานในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้าเติบโตอย่างได้เป็นอย่างดี สามารถสร้างผลตอบแทนให้ดีกับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันในปี 2566 งานส่วนใหญ่ 99.9% จะเป็นงานโครงการภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะเป็นการรับตรง จากเข้าของโครงการ 86.1% ที่เหลืออี ก 13.7% จะรับช่วง จากบริษัทคู่สัญญา ดังนั้น การมีสัดส่วนงานภาครัฐในจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นการรับตรงจากเจ้าของงานทำให้ แหล่งรายได้จึงมั่นคง ค่อนข้างตรงเวลา และเชื่อถือได้ ขณะเดียวกันงานด้านบริการซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 1ใน3 จะเป็นรายได้ Recurring income คอยหล่อเลี้ยงรายได้ในระยะยาว ทำให้ PIS มีโครงสร้างรายได้ที่ดีและมีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ PIS ยังมีจุดเด่นจากการมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถและมีความเชี่ยวชาญ สำหรับการให้บริการแก่ลูกค้า โดยมีวิศวกรในการดำเนินงานมากกว่า 100 คน ในจำนวนนี้มีวิศวกรที่ผ่านการทดสอบและได้ใบรับรอง (Certificate) ชั้นสูงจากผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้แก่ Cisco Certificate, VMware Certificate, Huawei Certificate และ Verint Certificate เป็นต้น จำนวน 9 คน ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ในการนำผลิตภัณฑ์นั้นๆ มาติดตั้งเป็นส่วนประกอบของโซลูชั่นให้แก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ในอนาคต   อีกทั้ง ยังมั่นใจว่าจากชื่อเสียงและผลงานในอดีตของบริษัทฯจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้สามารถเข้าร่วมงานที่มีมูลค่าสูงมากขึ้นอีกด้วย

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้ประเมินได้ว่า PIS น่าจะเป็นหุ้น ICTที่มีความโดดเด่นเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน