HoonSmart.com>>กรุงไทยพานิชประกันภัย ตั้งเป้าปี’68 เบี้ยรับรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ROE 12% เดินหน้าเปิดตัวสโลแกนใหม่ “Your Trust,Our Care” ผ่านตัวการ์ตูนเบบี้แคร์บอย เข้าถึงตลาดออนไลน์ ดึงคนรุ่นใหม่ ร่วมเปลี่ยนผ่านองค์กรเข้าสู่ดิจิทัลในอีก 3 ปี
น.ส.สุชาวดี แสงอนงค์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกรุงไทยพานิชประกันภัย (KPI) หรือเคพีไอ เปิดเผยว่าปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และ อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return On Equity :ROE) ไม่ต่ำกว่า 12%
ปี 2567 คาดว่าเบี้ยลดลงราว 15% สิ้นปีน่าจะจบที่ 4,500 ล้านบาทจากปี 2566 ที่มีเบี้ยรับรวม 5,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากลูกค้ารายใหญ่ยุติการทำธุรกิจร่วมกันทำให้เบี้ยรถยนต์ของบริษัทลดลงไปอย่างมาก ประกอบกับยอดขายรถรถยนต์ใหม่ลดลง การแข่งขันรุนแรง ทำให้เบี้ยประกันภัยทั้งอุตสาหกรรมไม่โตคาดว่าปีนี้จะโตไม่มาก
แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นมาก แต่เคพีไอยังไม่ได้ทำตลาดเป็นการทั่วไป จะรับประกันลูกค้าเก่าที่เคยทำประกันภัยรถยนต์กับบริษัทและก็มีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องการใช้เวลาศึกษาให้มากขึ้น
ปี 2568 จะเริ่มรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าแต่จะเริ่มจากการรับประกันภัยรถยนต์บางยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นความท้าทายใหม่ที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง และจะเพิ่มพันธมิตรใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน
“เราวางสัดส่วนเบี้ยประกันรถยนต์ไว้ที่ 40% แต่ปีนี้เบี้ยรถยนต์ลงมาอยู่ที่ 36% และเบี้ยจากประกันประเภทอื่นๆ 60% ในจำนวนนี้เป็นเบี้ยประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ 60% ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันเบ็ดเตล็ด 30% และประกันภัยเครื่องยนตฺ์ 10% หรือราว 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตและมีคู่แข่งน้อย ปี 2568 เราตั้งเป้า 800 ล้านบาท “น.ส.สุชาวดี กล่าว
น.ส.สุชาวดี กล่าวว่า ช่องทางการขายหลักๆมาจากสถาบันการเงิน 45% และดีลเลอร์ โบรกเกอร์ ตัวแทน และอื่นๆ 55% โดยกำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่องทางขาย แต่ขึ้นอยู่กับสินค้าและกลุ่มลูกค้าที่เลือก
ขยายตลาดออนไลน์
ทั้งนี้ ในปี 2568 จะขยายฐานลูกค้าออนไลน์มากขึ้น และคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น เน้นออกแบบประกันที่เข้าใจง่าย ความคุ้มครองไม่ซับซ้อน จึงได้เปิดตัวสโลแกนใหม่ “Your Trust,Our Care” สื่อสารแบรนด์ผ่านคาแรคเตอร์ “Baby CARE Boy” ที่เป็นอาร์ททอยออกแบบโดยศิลปิน pop art ชื่อดัง นายอัศนัย อรัญคีรีทที่อยู่ในวงการกว่า 10 ปี และออกแบบคาแรคเตอร์อาร์ตทอยให้กับบริษัทต่างๆ ในหลากหลายธุรกิจ
“เราอยู่ในธุรกิจนี้มา 70 ปีถ้าเปรียบเทียบกับคนก็เป็นผู้สูงวัยก็อยากจะปรับเปลี่ยนคาแรคเตอร์ของเราให้มีความทันสมัยมากขึ้นจึงได้เปิดตัวสโลแกนใหม่ Your Trust Our Care หรือดูแลทุกความไว้ใจเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรที่จะพัฒนาการทำงานผลิตภัณฑ์และบริการให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนลูกค้าให้สมกับความไว้วางใจที่มีให้เราเสมอมาตลอด 70 ปี”น.ส.สุชาวดี กล่าว
ปรับองค์กรสู่ยุคดิจิทัลใน 3-5 ปี
น.ส.สุชาวดี กล่าวว่า อาร์ตทอย Baby CARE Boy จะเป็นตัวแทนในการสื่อสารแบรนด์ในรูปแบบใหม่ช่วยให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ KPI ได้ง่ายขึ้นสามารถสื่อสารได้กับทุกคนทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยการตีแบรนด์ครั้งนี้จะทำให้องค์กรเคพีไอดูทันสมัยสดใสและก็เข้าถึงได้ง่าย
นอกจากจะทำให้ตลาดรู้จักได้ง่ายขึ้นแล้ว อยากดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานมากขึ้น เพราะองค์กรอยู่มา 70 ปี คนทำงานมีวัยที่สูงขึ้น จึงอยากเติมคนเจนแซต(Gen Z) ให้เพิ่มเป็น 20% ในอีก 3 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันมีเพียง 5% เพื่อรองรับแผน 3-5 ปีข้างหน้า ที่มีแผนจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการพัฒนากระบวนการทำงานในทุกๆภาคส่วน
“องค์กรที่จะเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนจะต้องมีความสมดุลของพนักงานในแต่ละวัยทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าโดยรุ่นใหม่จะมีความเข้าใจและทักษะด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี เร็ว ในขณะที่คนรุ่นเก่ามีความเชี่ยวชาญและมีทักษะเฉพาะที่รอบด้านอย่างลึกซึ้งจะทำให้องค์กรเติบโตต่อไปได้อย่างรวดเร็ว”น.ส.สุชาวดี กล่าว
น.ส.สุชาวดี กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญในนวัตกรรมที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงสินค้าและบริการให้หลากหลาย นอกเหนือจากที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะประกันสุขภาพ และประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องใช้นักคณิตศาสตร์ นวัตกรรม และความเชี่ยวชาญ เข้ามาช่วยในการออกแบบประกัน และบริการ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และบริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับ 2567 แม้เบี้ยรับรวมจะลดลงเหลือ 4,500 ล้านบาทจาก 5,300 ล้านบาท แต่กระทบกำไรไม่มาก คาดว่าน่าจะมีกำไรประมาณ 500 ล้านบาทซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มี กำไร 600 ล้านบาท กำไรที่ลดลงหลักๆ มาจากสินไหมน้ำท่วมทางภาคเหนือและก็ทางภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยคาดว่าจะต้องจ่ายสินไหมทดแทนประมาณ 200 ล้านบาท 90% เป็นความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมภาคเหนือ
“แม้เบี้ยรถยนต์จะหายไปเยอะ แต่ไม่กระทบต่อกำไรสุทธิมาก เพราะยังสามารถบริหารผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีที่ 4.75% จากพอร์ตลงทุน 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในพันธบัตร และตราสารหนี้ 6,000 ล้านบาท ลงทุนในหุ้นและอื่นๆ 1,000 ล้านบาท โดยพยายามรักษากำไรจากลงทุน และกำไรจากการรับประกันไว้ในสัดส่วน 50:50 อย่างไรก็ตาม หากปีใดที่เบี้ยประกันไม่โตมากเช่นปีนี้ จะมีการเน้นกำไรจากการลงทุนมากขึ้น”น.ส.สุชาวดี กล่าว