ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 498 จุด ดัชนี PCE ต่ำกว่าคาด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 498 จุด หลังรายงานข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ผสมความเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟด ช่วยนักลงทุนคลายกังวลแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ขยับขึ้น 8 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 21 ธันวาคม 2567 ปิดที่ 42,840.26 จุด เพิ่มขึ้น 498.02 จุด หรือ +1.18% เป็นการปิดบวกจากที่ปิดลบติดต่อ 10 วัน หลังการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด และความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทำให้คลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,930.85 จุด เพิ่มขึ้น 63.77 จุด, +1.09%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,572.60 จุด เพิ่มขึ้น 199.83 จุด, +1.03%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.25% ดัชนี S&P500 ลดลง 1.99% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.78%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงาน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี จาก 2.3% ในเดือนตุลาคม และต่ำกว่า 2.5% ที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.4% ต่ำกว่า 0.5% ที่นักวิเคราะห์คาด

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟด ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่า 2.9% ที่นักวิเคราะห์คาดจาก 2.8% ในเดือนตุลาคม

แซม สโตวาล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าวว่า ข้อมูล PCE มาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดใฟ้ความสำคัญดีกว่าที่คาด ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวล ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจไม่น่าจะเป็นสถานการณ์ที่น่าวิตกเท่าที่คาดไว้

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศนำการปรับขึ้น

หลังการรายงานข้อมูล เทรดเดอร์มีความคาดหวังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในปี 2025 โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคมและอีกครั้งในเดือนตุลาคม ก่อนการรายงานข้อมูล เทรดเดอร์มองว่ามีโอกาสประมาณ 50% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองภายในเดือนธันวาคม 2025

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด โดยออสแทน กูลสบี ประธานเฟดแห่งชิคาโกกล่าวกับ CNBC ว่า จากตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อวันศุกร์ทำให้มีความมั่นใจว่ายังคงอยู่บนเส้นทางไปสู่ระดับ 2% และอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงลดลงในปีหน้า แม้ว่าเฟดจะระมัดระวังก็ตาม

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ได้แก่ ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธันวาคมของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่เพิ่มขึ้นมาที่ 74.0 สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดจาก 71.8 ในเดือนพฤศจิกายน

ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าในช่วง 1 ปีข้างหน้า เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.8% เพิ่มขึ้นจาก 2.6%ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนในช่วง 5 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.0% ลดลงจาก 3.2%

ตลาดยุโรปปิดลบ เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน นำโดยกลุ่มเฮลธ์แคร์ หลังจากที่บริษัท Novo Nordisk ของเดนมาร์กร่วงลงจากข้อมูลที่น่าผิดหวังจากการทดลองยารักษาโรคอ้วนรุ่นใหม่

ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลง 0.9% แต่ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงมากถึง 2% ในระหว่างชั่วโมงซื้อขายและลดลงเกือบ 2% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน
Novo Nordisk บริษัทผลิตยาเดนมาร์กลดลง 20.8% หลังจากเปิดเผยผลที่น่าผิดหวังในการทดลองระยะสุดท้ายสำหรับยาลดความอ้วนรุ่นใหม่ CagriSema ซึ่งทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดหายไปถึง 125 พันล้านดอลลาร์

กลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง 4% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเดนมาร์กร่วงลง 13.2% สู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์สวนทางตลาดเพิ่มขึ้น 1.4%

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สหภาพยุโรปจะต้องซื้อน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ เพื่อชดเชยการขาดดุลมหาศาลกับสหรัฐ ไม่เช่นนั้นต้องเผชิญกับการเก็บภาษีศุลกากร

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 502.19 จุด ลดลง 4.47 จุด, -0.88%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,084.61 จุด ลดลง 20.71 จุด, -0.26%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,274.48 จุด ลดลง 19.89 จุด, -0.27%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,884.75 จุด ลดลง 85.11 จุด, -0.43%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–