ดาวโจนส์ดิ่ง 1,123 จุด เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณปี 68 ชะลอลดดอก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ปิดที่ 42,326.87 จุด ลดลง 1,123.03 จุด หรือ -2.58%  หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามคาด มาที่ระดับ 4.25%- 4.5% แต่นักลงทุนผิดหวังกับการคาดการณ์ที่ส่งสัญญาณถึงแนวทางการผ่อนคลายอย่างระมัดระวังมากขึ้นในปีหน้า

ดัชนี S&P 500 ปิดที่  5,872.16 จุด ลดลง 178.45 จุด, -2.95%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,392.69 จุด ลดลง 716.37 จุด, -3.56%

ดัชนีหลักทั้งสามดัชนีปรับตัวลดลงรายวันมากที่สุดในรอบหลายเดือน โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับลง 10 วัน ติดต่อกันครั้งแรกนับ

ตั้งแต่ปี 1974 อีกทั้งเป็นการลดลงถึง 1,000 จุด ครั้งที่สองในปีนี้ และปรับลงเป็นเปอร์เซ็นต์ภายในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม

ส่วนดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ลดลงภายในหนึ่งวันที่มากที่สุดในรอบหลายเดือน

ดัชนี Russell 2000 หุ้นเล็กลดลง 4.4% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2022

“เฟด”  ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% มาที่ระดับ 4.25%- 4.5% ตามที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม สรุปการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเฟด ระบุในบ่ายวันพุธว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงสองครั้ง ครั้งละ 0.25% รวมแล้ว 0.50% ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งน้อยกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในการคาดการณ์ครั้งล่าสุดเดือนกันยายน  เนื่องจากตลาดแรงงานแข็งแกร่งและการดึงอัตราเงินเฟ้อลงชะงักงัน

ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า การดำเนินการของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ช่วยให้เฟด ระมัดระวังมากขึ้น ในการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นมาที่ 4.518% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม อัตราผลตอบแทนพันบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งโดยทั่วไปจะเคลื่อนไหวตามการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเฟด เพิ่มขึ้นมาที่ 4.346% จาก 4.241% ในช่วงดึกของวันอังคาร

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความกังวลของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 74% แตะระดับ 27.62 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน

เอลเลน ฮาเซน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ F.L.Putnam Investment Management ในเมือง Wellesley รัฐแมสซาชูเซตส์ กล่าวว่า เมื่อดูจากการเปลี่ยนแปลงในแถลงการณ์การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ เฟดไม่มีทางเลือกจริง ๆ และเมื่อดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เฟด มันชัดเจนมากว่าเศรษฐกิจกำลังร้อนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งก่อนมาก และนั่นมีส่วนทำให้เฟดต้องการที่จะระงับชั่วคราว

ก่อนวันพุธ เทรดเดอร์หวังว่าเฟดจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในปี 2025 ซึ่งจะช่วยหนุนภาวะตลาดกระทิงต่อ แต่ทันทีหลังจากแถลงการณ์ของเฟด ตลาดคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม และมองว่ามีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยลง 0.33% ในปี 2025 ลดลงจาก 0.49%

หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโท (Cryptocurrency) ลดลง และปรับตัวลงต่ออีกหลังจากที่พาวเวลล์ กล่าวว่า เฟดไม่ได้รับอนุญาตให้ถือครอง Bitcoin และไม่พยายามที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถถือครอง Bitcoin ได้ ทั้งนี้มีการคาดเดากันว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ที่จะเข้าอาจพยายามผลักดันให้รัฐบาลถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้ หุ้น Microstrategy ร่วงลง 9.5% หุ้น MARA Holdings ลดลง 12.2% และหุ้น Riot Platforms ลดลง 14.5%

กลุ่มเทคโนโลยี หุ้น Broadcom ลดลง 7% หุ้นTesla ลดลง 8% หุ้น Microsoft หุ้น Meta Platforms และหุ้น Alphabet ต่างลดลง  2% หุ้น Amazon ลดลง 3% หุ้น Apple ลดลงราว 1%. หุ้น Nvidia บวก 0.4%

ตลาดยุโรปปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ Renault บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศส  แม้การเพิ่มขึ้นถูกจำกัดไว้ด้วยการซื้อขายอย่างความระมัดระวังก่อนการตัดสินใจนโยบายและแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะมีขึ้นหลังตลาดปิด

ดัชนี STOXX 600 ปรับขึ้นจากที่ลดลงติดต่อกัน 4 วัน กลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.1%

หุ้น Renault พุ่งขึ้น 5.2% ขึ้น หลังจากแหล่งข่าวบอกกับรอยเตอร์ว่าฮอนด้าและนิสสันกำลังเจรจาเพื่อควบรวมกิจการที่เป็นไปได้ Renault เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของนิสสัน

นักลงทุนรอผลการประชุมของเฟด ซึ่งคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และรอกาคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย

ในยุโรป อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนอยู่ที่ 2.2% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากประมาณการครั้งก่อนที่ 2.3%

ดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักรปิดทรงตัวก่อนการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้

หุ้น Commerzbank ธนาคารเยอรมนีบวก 1.4% หลัง UniCredit ธนาคารอิตาลีกล่าวว่าได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Commerzbank  เป็น 28%หุ้น UniCredit เพิ่มขึ้น1.3%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 514.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด, +0.15%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,199.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.91 จุด, +0.05%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่  7,384.62 จุด เพิ่มขึ้น 18.92 จุด, +0.26%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่  20,242.57 จุด ลดลง 3.80 จุด, -0.02%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 73.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล