PRM : กูรู เชียร์ “ซื้อ” หุ้นเติบโต-ปันผลสูง ขยายกองเรือเชิงรุกหนุนรายได้มั่นคง

HoonSmart.com >>  เซียนหุ้น เชียร์รัว ๆ   “PRM”  เคาะเป้าราคาปีหน้า 9.40-10.80 บาท  คาดกำไรปกติ 2567-2569 เติบโตต่อเนื่อง ยืนพื้น 2.2 พันล้านบาท แผนขยายกองเรือเชิงรุกหนุน รายได้มั่นคง-เติบโต ตามอุปสงส์เพิ่มขึ้น อุปทานจำกัด หุ้นปันผลสูง 5-6% ต่อปี 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 6 แห่ง ออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัท พริมา มารีน  (PRM) ประกอบด้วย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) , บล.ฟินันเซีย ไซรัส , บล. ดาโอ (ประเทศไทย) บล.ทิสโก้ , บล.ฟิลิป (ประเทศไทย) และบล.กสิกรไทย ทั้งหมดมองบวก กับธุรกิจผลดำเนินงานปีนี้ ต่อเนื่อง 2-3 ปีข้าง โดยเชียร์ “ซื้อ” ลงทุน และ “ถือ”  ดังนี้

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ”  ราคาเหมาะสม สิ้นปี 2568 ที่ 10.20 บาท  โดยมีปัจจัยหนุนทั้งระยะสั้น-ยาว จากดีล งานนอกชายฝั่งกับ Adnoc  และแนวโน้มผลประกอบการที่คาดเติบโต จากแผนการขยายกองเรือถึงปี 2569

คาดกำไรปกติปี 2567-2569 ที่ 2.2 พันล้านบาท  (+21% YoY) , 2.4 พันล้านบาท ( +10% YoY) และ 2.6 พันล้านบาท  (+6% YoY) ตามลำดับ ซึ่งประมาณการดังกล่าว  ยังไม่รวมแผนการรับเรืออีก 6 ลำ ในปี 2569

เบื้องต้้นคาดการกำไรปกติ Q4/67 ทรงตัวเทียบ QoQ เนื่องจากบริษัท นำเรือ 3 ลำเข้าอู่ เพื่อให้บริการได้ต่อเนื่องปี 2568 โดมีแผนขยายกองเรือต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างเจรจางานกับ Adnoc

“แผนขยายกองเรือต่อเนื่อง หากรับเรือตามแผนและลงนามกับ Adnoc คาดปี 2568 มีเรือรวม 69 ลำ เพิ่ม Capacity มากขึ้น ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้และผลประกอบการตามอุตสาหกรรมพลังงานต้นน้ำ ระยะสั้นสามารถเก็งกำไรดีลงานนอกชายฝั่งกับ Adnoc คาดลงนามสัญญาภายในธ.ค. 2567 ระยะกลาง-ยาว ผลดำเนินงานมีแรงหนุนจากแผนขยายกองเรือแบบเชิงรุกมากขึ้นถึงปี 2569 เป็นอย่างน้อย” บทวิเคราะห์ หยวนต้า ระบุ

บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2568 ที่ 10.50 บาท  คาดกําไรปี 2025-26 โต 11.2% y-y และ 5.9% y-y ตามลําดับ จากจํานวนเรือที่เพิ่มขึ้น และความต้องการของเรือ Tanker ที่ยังมีสูง แต่ Supply เรือจํากัด หุ้น P/E ตํ่า Dividend yield สูง 5-6% ต่อปี

คาดการณ์กําไรปกติ 4Q24 อยู่ที่ 541 ล้านบาท ทั้งปี 2024 ที่ 2.2 พันล้านบาท  กําไรที่เติบโต 18.5% y-y และเป็นกําไรปกติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากจํานวนเรือที่เพิ่มขึ้นระหว่างปี 4 ลําและอัตรากําไรขั้นต้นดีขึ้น ขับเคลื่อนโดยธุรกิจ FSU ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากําไรขั้นต้นสูงที่สุด (57% เทียบกับอัตรากําไรขั้นต้นเฉลี่ยทุกธุรกิจ 37%) กลับมามี demand ที่สูงขึ้นในปีนี้

PRM มีรายได้มั่นคงตามสัญญาและเติบโตได้ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและอุปทานมีจํากัด แม้ว่าเรือส่วนใหญ่ของ PRM จะเป็นเรือที่มีสัญญาระยะยาว รายได้คงที่ตามที่ตกลงในสัญญา แต่ในระยะ 1-2 ปีนี้ PRM สามารถเติบโตได้ตาม Demand ของตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยเรือ FSU ไม่เพียงได้อานิสงส์จากการสู้รบในตะวันออกกลาง แต่ปัจจุบันมีความนิยมใช้เรือ FSU เพื่อผสมนํ้ามันประเภทต่าง ๆ ในขณะที่ Supply เรือมีค่อนข้างจํากัด

ปี 2025 PRM จะรับเรือเพิ่ม 3 ลํา (FSU 1 ลํา เริ่มทํางานเดือน ก.พ. และเรือ Crew boat 2 ลํา ในเดือน ก.พ. และ มิ.ย.) แต่อาจมีการปลดระวางเรือ FSU ที่มีอายุมาก 1 ลําในช่วง 2H25 ปี 2026 มีแผนสั่งต่อเรือขนส่งนํ้ามัน (PCT) ใหม่อีก 6 ลํา ทดแทนเรือเก่าที่ครบอายุปลดระวาง

บล.ทิสโก้ คาด PRM ทำกำไรสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งปีนี้และปี 2568 คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 10.80 บาท มองแนวโน้มกำไรยังสดใส  บริษัท ฯ มีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่องจากการขยายกองเรือ บริษัทกำลังจะได้รับเรือเพิ่มอีก 3 ลำ ในเดือนธ.ค.นี้ และอีก 2 ลำในปีหน้า  ผลักดันกำไรปกติทำสถิติสูงสุดทั้งในปีนี้ และปีหน้า แม้ว่ากำไร 4Q24F น่าจะทรงตัว QoQ เนื่องจาก เรือใหม่และเรือที่ไปดัดแปลงเป็น FSO จะเข้ามาปลายปี ขณะที่เลื่อนนำเรือเข้าอู่เร็วขึ้นจากปีหน้ามาเป็นปลายปีนี้

อย่างไรก็ตามกำไรจะกลับมาเติบโตดีอีกครั้งตั้งแต่ Q1/2568 เป็นต้นไป ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER ปี 2024-2025F ที่ 8.9x และ 7.1x เท่านั้น 

บล.ฟิลิป (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2568 ที  ปัจจัยหนุนการเติบโตจากเรือใหม่ที่เข้ามา 5 ลำ ซึ่งเป็นเรือ Crew Boat ใหม่ 2 ลำ และเรือ FSO 1 ลำ เข้าปลายปี 2567 และปี 2568 รับเรือ Crew Boat ใหม่อีก 2 ลำ (ก.พ. และมิ.ย.68 ) ทำงานให้ PTTEP สัญญา 5 ปี + 5 ปี เริ่มงาน  25 ธ.ค.67 อีกทั้งเรือ AWB ที่ Dry Dock ปลายปี 2567 กลับมาทำงานจะได้ค่าเช่าสูงขึ้น แต่จะปลดระวางเรือ FSU 1 ลำใน ก.ย.  68 ดูจากความต้องการลูกค้า อาจทำให้การปลดระวาง ถูกยืดออกไป ในปีหน้ามีเรือเพิ่มเป็น 69 ลำ จากสิ้น Q3/67 มีเรือ 63 ลำ

สำหรับ Q4/67 เรือใหญ่เข้าอู่ (Dry Dock) นอกแผน โดยมีเรือพักอาศัย (AWB) 1 ลำ , เรือ FSU 1 ลำ และเรือ VLCC 1 ลำ เป็นเวลา 30-35 วัน ทั้ง 3 ลำเป็นเรือขนาดใหญ่ รายได้ต่อลำสูง แต่มีรับเรือ Crew Boat เพิ่ม 2 ลำ จากการได้สัญญา ADNOC สัญญา 5 ปี เริ่มงาน 15 ธ.ค.และ เรือ FSO  (ได้สัญญา PTTEP) เริ่มงาน 25 ธ.ค.2567 รวมถึงเริ่มรวมงบ วี.ซี.ชิปปิ้ง  ที่ M&A ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ผลบวกไม่มาก เพราะเป็นช่วงปลายไตรมาส แม้กำไรปกติคาดลดลง แต่จะได้กำไร FX จากเงินบาทอ่อนค่า กำไรสุทธิยังโตได้ QoQ

บล. ดาโอ (ประเทศไทย) มองเป็นกลาง ราคาหุ้น underperform SET -3%/-3% ใน 1 และ 3 เดือน จากกำไร 3Q24 ตำกว่าคาด แนะ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท

จากการประชุมนักวิเคราะห์ (2ธ.ค.)  PRM แจ้งการซื้อเรือ FSU 1 ลำ  ขนาด 3 แสน DWT เริ่ม COD ก.พ.25 เป็นการทดแทนเรือลำเดิมที่อาจปลดระวาง ก.ย.25,

2. ธุรกิจ FSU ปี 2025 จะทรงตัวจากปี 2024 จากความต้องการใช้เรือทรงตัวสูง, 3) ขยายธุรกิจ OSV เพิ่ม โดยให้บริการจัดหาเรือให้กับ ADNOC ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ของ UAE โดยก้าวแรกจะจัดหาเรือ Hybrid crew boat ให้กับ ADNOC เช่า 2 ลำ ใน ธ.ค.24  กระทบกำไรไม่มาก,

4) 4Q24E จะมีเรือใหญ่เข้า dry dock หลายลำได้แก่ FSU 1 ลำเดือน พ.ย., เรือ VLCC 1 ลำ และ AWB 1 ลำ ใกล้เคียงกันในเดือน ธ.ค.24- ม.ค.25 ราว 30 วัน

5) แผนขยายเรือใหม่ยังตามเดิม ได้แก่ FSO จะเริ่มให้บริการ 25 ธ.ค.24, เรือ crew boat อีก 2 ลำ ในเดือน มี.ค. และ ก.ค.25 และเรือ PCT สั่งต่อใหม่จำนวน 6 ลำ เริ่มรับมอบ พ.ค.26 ต่อเนื่องถึงสิ้นปี ทดแทนเรือเดิมที่จะปลดระวาง

บล. กสิกรไทย มีมุมมองเชิง “บวก” แนะนำ “ซื้อ”  ราคาเป้าหมาย 2568 ที่ 10.34 บาท สะท้อนปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567 – 2569  ขณะเดียวกัน อาจมีความเสี่ยงขาขึ้น ต่อราคาเป้าหมาย 0.77 บาท/หุ้น จากหุ้นซื้อคืน

นอกจากนี้ บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567  เพิ่ม 23% เป็น 2,300 ล้านบาท , ปี 2568 เพิ่ม 15% เป็น 2,600 ล้านบาท และปี 2569 11% เป็น 2,900 ล้านบาท  เนื่องจากกำไรปกติ 9 เดือน/2567 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ผลตอบแทนเงินปันผล ปี 2565-2567  ที่ 4.76%  , 6.73 % , 5.27% และ 6.05% ตามลำดับ

———————————————————————————————————————————————————–