HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 86 จุด ร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 สวนดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 จากการพุ่งขึ้น all-time highs ของหุ้น Broadcom คาดรายได้รายไตรมาสสูงกว่าคาด เติบโตแข็งแกร่งจากความต้องการชิป AI ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับเพิ่มขึ้น “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 13ธันวาคม 2567 ปิดที่ 43,828.06 จุด ลดลง 86.06 จุด หรือ -0.20% ร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 จากการพุ่งขึ้นไปที่ all-time highs ของหุ้น Broadcom
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,051.09 จุด ลดลง 0.16 จุด, -0.003%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,926.72 จุด เพิ่มขึ้น 23.88 จุด, +0.12%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.8% ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.6% หลังจากที่ปรับขึ้นติดกัน 3 สัปดาห์ และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.3%
Broadcom คาดการณ์รายได้รายไตรมาสสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งในความต้องการชิป AI แบบปรับแต่งเองในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แนวโน้มในทางบวกดันให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 24% ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัททะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
หุ้นชิปมีทั้งบวกและลบ โดย Marvell Technology คู่แข่งของ Broadcom เพิ่มขึ้น 10.8% ขณะที่ Nvidia ปิดตัวลบ 2.2% แต่ดัชนีกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 3.2%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงมีแรงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Nasdaq อยู่เหนือระดับ 20,000 เป็นครั้งแรกในวันพุธ การวิ่งขึ้นได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากรายงานเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับคาดการณ์ ซึ่งตอกย้ำความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการประชุมสัปดาห์หน้าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นทั่วกระดาน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์
เจย์ แฮธฟิลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Infrastructure Capital Management กล่าว ว่า ตอนนี้การขายออกจากปัจจัยดอกเบี้ยกำลังนำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่หุ้นคุณค่า ( value stocks)และหุ้นปันผล(income stocks )จะลดลงเมื่อหุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้น
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์ให้น้ำหนัก 97% ที่การประชุมเฟดวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้จะปรับลดดอกเบี้ย แต่อาจจะระงับการปรับลดดอกเบี้ยชั่วคราวในเดือนมกราคม
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้น RH บริษัทค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านพุ่งขึ้น 16.95% หลังจากรายงานรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 หุ้น D.R. Horton ลดลง 0.89% หลังจากเจพีมอร์แกน ปรับลดคำแนะนำการลงทุนเป็น underweight
ตลาดยุโรปปิดลบ โดยดัชนีหลักลดลงรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับการผ่อนคลายทางการเงินในยูโรโซนในปีหน้า ท่ามกลางความกังวลเรื่องการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจและสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น
ตลาดหุ้นผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนย่อยข้อมูลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนล่าสุด ข้อมูลเงินเฟ้อจากสหรัฐฯ และยูโรโซน รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ครั้งที่ 4 ของปีในวันพฤหัสบดี
ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป 4 รายสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในวันศุกร์ โดยมีเงื่อนไขว่าอัตราเงินเฟ้อต้องอยู่ที่เป้าหมาย 2% ของ ECB ตามที่คาดไว้ เทรดเดอร์
มองว่ามีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย 1.12% ภายในสิ้นปีหน้า
ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่ารัฐบาลใหม่ที่นำโดย นายฟรองซัวส์ เบย์รู สามารถแก้ไขปัญหาทางการคลังของฝรั่งเศสได้หรือไม่
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์เป็นหนึ่งในหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด โดยหุ้น Novo Nordisk ลดลง 3.9% ซึ่งมากที่สุดใน STOXX 600 เนื่องจากชาวอังกฤษที่จ่ายเงินเองเพื่อซื้อยาลดความอ้วนเลือก Mounjaro ของ Eli Lilly มากกว่า Wegovy ของ Novo Nordisk จากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
กลุ่มประกันภัยเพิ่มขึ้น 1.2% และเป็นกลุ่มที่นำการปรับขึ้น โดย Munich Re เพิ่มขึ้น 5.5% หลังจากที่บริษัทตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิ 6 พันล้านยูโร (6.27 พันล้านดอลลาร์) ในปีหน้า โดยธุรกิจรับประกันภัยต่อเพียงอย่างเดียวคาดว่าจะสร้างรายได้ 5.1 พันล้าน ยูโร
การเมืองของเยอรมนีก็กำลังได้รับความสนใจเช่นกัน โดยนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนีคาดว่าจัดให้มีการลงคะแนนเสียงไว้วางใจในรัฐสภาในวันจันทร์นี้ ซึ่งจะปูทางไปสู่การเลือกตั้งในทันทีหลังแนวร่วมรัฐบาลสามฝ่ายของเขาล่มสลาย
ธนาคารกลางเยอรมนี(Bundesbank) กล่าวว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะหดตัวเป็นปีที่สองติดต่อกันในปีนี้ และการฟื้นตัวของเยอรมนีจะไม่สดใส ซึ่งอาจรุนแรงขึ้นจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 516.45 จุด ลดลง 2.75 จุด, -0.53%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ ที่ 8,300.33 จุด ลดลง11.43 จุด, -0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,409.57 จุด ลดลง 11.37 จุด, -0.15%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,405.92 จุด ลดลง 20.35 จุด, -0.10%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 74.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

