PTTEP ไตรมาส 3/61 อวดกำไร 1.04 หมื่นล้านบาท ทะยาน 219% จากช่วงปีก่อน ผลดีราคาน้ำมันสูง ปริมาณขายเพิ่มจากโครงการบงกช หนุนรายได้รวมพุ่ง 23% ส่วน 9 เดือน กำไรโต 145% มั่นใจปริมาณขายทั้งปีตามเป้า 310,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 กำไรสุทธิ 10,401.18 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.50 บาท เพิ่มขึ้น 219% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 8,681.60 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 2.42 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 27,372.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.57 บาท เพิ่มขึ้น 145% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 11,138.15 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.26 บาท
งวดไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิมากกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักเป็นผลจากผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สหรัฐระหว่างไตรมาส ในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลบวกต่อราคาขายเฉลี่ยให้มาอยู่ที่ 47.67 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ บวกกับปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 304,940 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของโครงการบงกช ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสามารถรักษาระดับเป้าหมายการขายเฉลี่ยทั้งปี 2561 ที่ประมาณ 310,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 3/2561 จำนวน 1,398 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน 9 เดือนมีจำนวน 3,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดีวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย 1,338 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 9 เดือนมีจำนวน 3,792 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23%
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนต่อหน่วยในไตรมาสนี้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เป็นผลจากค่าภาคหลวงที่ปรับตัวตามราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ย และค่าเสื่อมราคาที่ปรับตัวขึ้นจากการ ซื้ออสัดส่วนเพิ่มเติมในโครงการบงกช รวมทั้งการรับรู้สินทรัพย์พร้อมใช้งานจากโครงการเอส 1 โดยบริษัทยังคงความพยายามในการรักษาระดับต้นทุนการผลิตต่อหน่วยสำหรับปี2561 ให้อยู่ที่ประมาณ 31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมรับโอกาสการลงทุนต่าง ๆ สะท้อนผ่านความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ 2,264 ล้านดอลลาร์สหรัฐและมีระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ 73%
