ตลาดหุ้นโตเกียว-เอเชีย ปรับตัวลง …จับตาจีนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่

ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้ปรับขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโลยีตามกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวกในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ในกลุ่ม Prime Market กลุ่มที่นำการปรับขึ้น คือ กลุ่มสารสนเทศ กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ กลุ่มผลิตภัณฑ์แก้วและเซรามิก

เวลา 9.00 น. ตามเวลาญี่ปุ่น เงินดอลลาร์อยู่ที่ 149.87-88 เยน จาก 149.99-150.09 เยนในนิวยอร์ก และจาก 150.09-11 เยน ในโตเกียวเวลา 17.00 น. วันศุกร์

เศรษฐกิจของญี่ปุ่นรายงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือน ก.ค.-ก.ย. ที่ทบทวนว่า ขยายตัว 1.2% เมื่อเทียบรายปี จาก 0.9% ที่รายงานในตอนแรก โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนที่แข็งแกร่งเกินคาด สำนักงานคณะรัฐมนตรีกล่าวเมื่อวันจันทร์

GDP ที่ทบทวนใหม่ เติบโตเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน

GDP ที่แท้จริง เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ขยายตัว 0.3% จากไตรมาสก่อน เทียบกับตัวเลขเบื้องต้นที่ 0.2%

GDP คือมูลค่ารวมของสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศ

การลงทุนซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของอุปสงค์ในประเทศ ลดลง 0.1% ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ตัวเลขทบทวนดีขึ้นจากที่ลดลง 0.2% โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่ง

การบริโภคภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP เพิ่มขึ้น 0.7% ปรับลดลงจาก 0.9%  การส่งออกเพิ่มขึ้น 1.1% ปรับขึ้นจาก 0.4%

กระทรวงการคลังรายงานวันจันทร์ว่า ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.46 ล้านล้านเยน (16.4 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนตุลาคม รายได้ปฐมภูมิ ซึ่งสะท้อนถึงเงินที่ญี่ปุ่นได้รับจากการลงทุนในต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 1.8%จากปีก่อนหน้าเป็น 3.25 ล้านล้านเยน ในบรรดาองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ การค้าสินค้าขาดดุล 155.7 พันล้านเยน การนำเข้าลดลง 0.7% สู่ 9.52 ล้านล้านเยน ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 2.9% สู่ 9.37 ล้านล้านเยน

ณ เวลา 10.11 น. เวลาในประเทศไทย ดัชนี Nikkei 225 อยู่ที่ 39,197.57 จุด เพิ่มขึ้น 106.4 จุด ,+0.27%

ตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนใหญ่ปรับลง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลงจากวิกฤติทางการเมืองที่ทวีความรุนแรง ท่ามกลางการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของภูมิภาค ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางใน 4 ภูมิภาคในสัปดาห์นี้ และการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่จากจีน

ตลาดเกาหลียังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านกล่าวว่า จะผลักดันให้มีการลงมติถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอกยอลอีกครั้ง หลังจากที่รอดจากการลงมติถอดถอนครั้งแรก การประกาศใช้กฎอัยการศึกในช่วงสั้น ๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่ทางการให้คำมั่นในวันจันทร์ว่า จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดของประเทศอย่างใกล้ชิด

ความวุ่นวายทางการเมืองในฝรั่งเศสและเกาหลีใต้ บวกกับการล่มสลายของระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ทำให้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยปัญหาอยู่แล้วในตะวันออกกลางซับซ้อนขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในเชิงบวกหลังจากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐทำให้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้

เมื่อวันศุกร์ สหรัฐเผยแพร่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนว่าเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าประมาณการของ Dow Jones ที่ 214,000 ตำแหน่ง และเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่เพิ่มขึ้น  36,000 ตำแหน่ง ในเดือนตุลาคม

ส่วนอัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.2% ตามที่คาดไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวมากพอที่จะทำให้คลายกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัว และไม่ได้มากเกินที่จะขัดขวางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์หน้า

นักลงทุนยังจับตารายงานราคาผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน ของสหรัฐฯ จะออกมาในวันพุธ ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวที่ 3.3% ซึ่งไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินแต่อย่างใด

ในประเทศจีน ข้อมูลล่าสุด แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคลดลงเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความพยายามของรัฐบาลในการสนับสนุนเศรษฐกิจยังไม่มากที่จะแก้ไขอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาวะเงินฝืดโรงงานเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 26 ติดต่อกัน

ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนต่ำกว่าการคาดการณ์ในเดือนพฤศจิกายน โดยเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนตุลาคม ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อวันจันทร์ นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%

ข้อมูลนี้ทำให้มีความคาดหวังมากขึ้นว่า จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากการประชุม Central Economic Work Conference ซึ่งจะเริ่มในวันพุธ

ดัชนี SSE ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 3,416.39 จุด เพิ่มขึ้น 12.32 จุด, +0.36%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ที่ 19,866.37 จุด เพิ่มขึ้น 0.52 จุด, 0.00%

ดัชนี Kospi ตลาดหุ้นเกาหลีอยู่ที่  2,373.62 จุด ลดลง 54.54 จุด, -2.25%

ดัชนี TAIEX  ตลาดหุ้นไต้หวันอยู่ที่ 23,215.31 จุด เพิ่มขึ้น 22.04 จุด, +0.1%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น  0.27 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ซื้อขายที่ 67.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น  0.26 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ซื้อขายที่  71.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล