PTTGC บวก 4.77% ลุ้นงบฯ Q4 ดีขึ้น ปี 68 กำไรฟื้น

HoonSmart.com>>หุ้น PTTGC บวก 4.77% โบรกฯเห็นห้องผลงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3 และเริ่มเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 จากค่าการกลั่นดีขึ้น สเปรดน้ำมันเครื่องบินและดีเซลเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์สูงตามฤดูกาลหน้าหนาว เล็งพลิกฟื้นเด่นในปี 68 จากค่าใช้จ่ายคงที่ที่ลดลงหลังปิด Vencorex และ PTTAC

เมื่อเวลา 15.39 น.หุ้น PTTGC บวก 4.77% มาที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 522.08 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 24.30 บาท ขึ้นสูงสุด 25.25 บาท และต่ำสุด 24.20 บาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น PTTGC ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 34 บาท คาดว่า กําไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 4 ปี 2567 จะฟื้นตัวขึ้น QoQ เพราะค่าการกลั่นดีขึ้น โดย spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 14% เป็น 15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 10% เป็น 15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลําดับ จากอุปสงค์ที่สูงตามฤดูกาลในฤดูหนาว  จึงคาดว่า market GRM จะดีดตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบอกว่าบริษัทจะบันทึกผลขาดทุนพิเศษประมาณ 4 พันล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2567 แบ่งเป็น 1 พันล้านบาทจากค่าชดเชยการเลิกจ้างและการทําความสะอาดโรงงานของ Vencorex และ 3 พันล้านบาทจากค่าชดเชยการเลิกจ้างและการทําความสะอาดโรงงานของ PTT Asahi Chemical ซึ่งลดลง QoQ จากที่มีผลขาดทุนพิเศษถึง 1.75 หมื่นล้านบาทจากการด้อยค่าของ Vencorex และ PTT Asahi Chemical จึงคาดว่า PTTGC จะมีผลขาดทุนสุทธิเล็กน้อยในไตรมาส 4 ปี 2567

นอกจากนี้ ได้ข้อสรุปในการปรับสัญญาขายอีเทน (Ethane Sales Agreement) แล้วโดยภายใต้สัญญาที่ปรับใหม่ PTTGC จะซื้ออีเทนแพงขึ้นประมาณ 3% โดยมีผลย้อนหลังไปถึง 9 เดือนปี 2567 ด้วย ในขณะที่ PTT จะเพิ่มปริมาณจัดส่ง Ethane ที่ใช้เป็น feedstock เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งจะทําให้ PTTGC มีอีเทนที่ใช้เป็น feedstock เพิ่มขึ้นประมาณ 20% YoY เป็น 1.8-1.9 ล้านตันในปี 2568

พร้อมเชื่อว่าราคาหุ้นจะได้แรงหนุนจากการที่ PTTGC แจ้งว่าผลกระทบสุทธิจากต้นทุน Ethane ที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ที่ 200 ล้านบาทเท่านั้นในปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้อย่างมาก นอกจากนี้ ยังคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัว YoY ในปี 2568 เพราะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนก้อนใหญ่จาก Vencorex และ PTT Asahi Chemical เหมือนในปี 2567 อีก, คาดว่าค่าการกลั่นจะดีขึ้น YoY ในปี 2568 เพราะอุปสงค์จะโตมากกว่าอุปทานที่เพิ่มขึ้นสุทธิ และปริมาณอีเทนที่ใช้เป็น feedstock เพิ่มขึ้นประมาณ 20% YoY เป็น1.8-1.9 ล้านตันในปี 2568 โดยคาดว่าอัตราการใช้กําลังการผลิตของ Olefins จะเพิ่มขึ้น YoY จาก 82% เป็น 91%

บล.กรุงศรี แนะนำ”ซื้อเก็งกำไร”หุ้น PTTGC ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 30 บาท มองไตรมาส 3 ปี 2567 เป็นจุด bottom ปี แนวโน้ม 2568 เริ่มพลิกมีกำไร จากค่าใช้จ่ายคงที่ที่ลดลงหลังปิด Vencorex และ PTTAC, อัตรากำไรโอเลฟินส์ที่มีแรงหนุนจากสัดส่วน feedstock ต้นทุนต่ำอย่าง Ethane เข้ามาเพิ่มขึ้นเป็น 36% เทียบกับปี 2567 ราว 33% รวมถึงปิดซ่อมลดลง และการฟื้นตัวของ allnex

ทั้งนี้ แนวโน้มค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปิด Vencorex และ PTTAC อาจสูงกว่าคาดราว 3 พันล้านบาท หรือคิดเป็นราว -0.7บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามไม่ได้เปลี่ยนทิศทางแนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ขาดทุนน้อยลง q-q

ผู้บริหารมองความได้เปรียบของ feedstock และการลดค่าใช้จ่าย ช่วยหนุนให้แข่งขันได้ในสภาวะที่new capacity ยังกดดันคาดหวัง Ethane feedstock ที่ต้นทุนต่ำกว่า Naphtha จะเข้ามาเพิ่มขึ้นใน 2568 เป็น 1.9 mta เทียบปี 2567 ที่ 1.6 mta เพราะแหล่งเอราวัณ และโรงแยกก๊าซฯของ PTT ผลิตเพิ่มขึ้น และการตัดสินใจปิด Vencorex และ PTTAC ทำให้ไม่ต้องแบกรับผลขาดทุนจากการผลิตและค่าใช้จ่ายคงที่คาดทำให้กำไรเพิ่มราว 5 พันล้านบาท (เดิม 4.1 พันล้านบาท) ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการนำเข้า Ethane เพิ่มคาดการศึกษาคืบหน้าใน 2568

บล.พาย แนะนำ”ถือ”หุ้น PTTGC มูลค่าพื้นฐาน 27.5 บาท แนวโน้มผลประกอบการปี 2568 คาดกำไร 6.8 พันล้านบาท ตามฝั่งอะโรเมติกส์ โดยเฉพาะพาราไซลีน (PX) เริ่มมีอุปสงค์ส่วนเกิน แม้ว่าอุปทานส่วนเกินในฝั่งโอเลฟินส์ยังคงดำเนินต่อไป โดยไตรมาสถัดไป ส่วนต่างราคาฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นปัจจัยฤดูกาล อีกทั้งการเร่งส่งออกสินค้าของจีนก่อนทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี เป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น ส่วน Allnex ปริมาณการขายลดลงตามฤดูกาล และการตั้งสำรอง 3 พันล้านบาทใน PTTAC ในไตรมาส 4 ด้านราคาหุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอควรแล้ว

PTTGC ขาดทุนสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 1.93 หมื่นล้านบาท จากด้อยค่า Vencorex และ PTTAC รวมทั้งสิ้น 1.7 หมื่นล้านบาท ส่วนผลดำเนินงานปกติของธุรกิจปิโตรเคมีถูกกดดันจากเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว ทำให้ส่วนต่างราคาทั้งโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ปรับตัวลงรายไตรมาส
 

 

———————————————————————————————————————————————————–