สภาพัฒน์เผย GDP ไตรมาส 3 โต 3% คาดปี’68 โต 3% ลงทุนรัฐหนุน

HoonSmart.com>>สภาพัฒน์ฯคาดจีดีพีปี’68 โต 3% หลักๆ จากการลงทุนของภาครัฐ กระตุ้นภาคการผลิต หนี้ครัวเรือนปีหน้ายังคงอยู่ในระดับสูง ด้านไตรมาส 3 ปีนี้ดีเกินคาด โต 3% เร่งขึ้นจาก 2.2% ไตรมาสที่ผ่านมา ผลจากการลงทุนเร่งขึ้น คาดส่งออกไตรมาส 4 โตต่อเนื่อง  ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยคงเป้าปีนี้โต 2.6% ส่วนบล.หยวนต้าคาดครม. 19 พ.ย. ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุน กลุ่ม Domestic Play

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่า ปี 2568 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะเติบโต 3% จากปี 2567 ซึ่งตัวเลขถึงวันที่ 18 พ.ย.2567 เติบโต 3% ในขณะที่ เศรษฐกิจโลกอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าจีดีพีปีหน้าจะโต 2.2% กลุ่มยุโรปคาดว่าจะโต 1.1% ญี่ปุ่นโต 1.1% จีน โต 4.5%

สำหรับ ปัจจัยที่จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568 หลักๆ จะเป็นการเติบโตจากการลงทุนของภาครัฐบาล จะทำให้เกิดการกระตุ้นการลงทุนและภาคการผลิตในภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคการก่อสร้างและธุรกิจอื่นๆ ส่งผลให้การอุปโภคบริโภคในประเทศดีขึ้น การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยวคาดว่าจะมีประมาณ 38 ล้านคน และการส่งออกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามทิศทางการค้าโลกและวัฐจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการค้าโลกที่อยู่ในภาวะขยายตัวต่ำ และมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนและการส่งออกของไทยด้วย โดยเฉพาะจีนที่มีการปรับมาตรการทางภาษีในการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการ ทำให้ราคาสูงขึ้นจะส่งผลถึงราคาสินค้าปลายทางสูงขึ้นด้วย ซึ่งทางสภาพัฒน์ฯกำลังติดตามรายละเอียด

ขณะที่ หนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน โดยจะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมออกมา ซึ่งต้องติดตามว่าจะสามารถช่วยได้มากแค่ไหน ด้านนโยบายการเงินนั้นต้องรอดูมาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทย

สำหรับ ค่าเงินบาทคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 34.5-35.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และการส่งออกในรูปของสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯคาดว่าจะอยู่ระหว่าง ติดลบ0.3% ถึง เพิ่มขึ้น 0.8%

ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2567 เติบโต 3%  เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 2.2% จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ในไตรมาส 4 ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเติบโตเท่าไหร่ในไตรมาส 4

ทางด้านบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ของรัฐบาลที่คาดว่าจะพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.2567) เช่น กระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทเฟส 2 กับกลุ่มผู้สูงอายุ คาดเป็นบวกกับกลุ่ม Domestic Play เช่น KBANK,BBL, SAWAD,TIDLOR, JMT,BAM,SINGER,SGC,SCAP,CPALL,BJC และ CPAXT

 

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองเศรษฐกิจไตรมาส 3/2567 ขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.0% YoY  โดยยังคงประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 ที่ 2.6% แต่ปีหน้าความเสี่ยงสูงขึ้น

“ไตรมาส 3  ขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.0% หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าขยายตัวที่ 1.2% QoQ โดยมีปัจจัยหนุนจากดุลการค้า (ฐานดุลบัญชีเดินสะพัด) ที่เกินดุลสูงขึ้นตามการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ประกอบกับรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนภาครัฐและการบริโภคภาครัฐที่ขยายตัวเร่งสูงขึ้นอย่างมาก”

เมื่อมองไปในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการปี 2567 ขยายตัวที่ 2.6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางแรงหนุนสําคัญจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น การลงทุนและการบริโภคภาครัฐในไตรมาส 4/2567 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี โดยส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 4/2567 ที่มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นจากทางภาครัฐ

ขณะที่ เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น โดยยังคงต้องติดตามนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรขาเข้าที่อาจส่งผลให้การส่งออกไทยในระยะข้างหน้าเผชิญความท้าทายมากขึ้น นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยคาดว่าจะเผชิญขีดจำกัดในการขยายตัวจากทิศทางเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นและเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในปีหน้า ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากทิศทางเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ

———————————————————————————————————————————————————–