ดาวโจนส์ปิดลบ 305 จุด กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย-จับตาทรัมป์เลือกคณะรัฐมนตรี

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ร่วง 305 จุด นักลงทุนกังวลเฟดชะลอปรับลดดอกเบี้ย พร้อมจับตาทรัมป์เลือกคณะรัฐมนตรี ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” เพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 15พฤศจิกายน ปิดที่ 43,444.99 จุด ลดลง 305.87 จุด หรือ -0.70% และดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ลดลดมากสุดภายในวันเดียวในรอบสองสัปดาห์ จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และจากการตอบสนองนักลงทุนต่อการเลือกคณะรัฐมนตรีของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,870.62 จุด ลดลง 78.55 จุด, -1.32%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,680.12 จุด ลดลง 427.53 จุด, -2.24%

ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.08% ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.15% ลดลงรายสัปดาห์มากสุดในรอบกว่าสองเดือน และดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.24%

นักลงทุนยังกังวลต่อความคิดเห็นล่าสุดจากประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เฟดไม่รีบร้อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยชี้ไปที่การเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานงานที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องระมัดระวังทั้งจังหวะเวลาและขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

นอกจากนี้นางซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดแห่งบอสตันแสดงท่าทีการดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังต่อไป โดยบอกกับเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล(The Wall Street Journal ) ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้านั้นไม่แน่นอน

เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์ให้น้ำหนักมากขึ้นเป็นประมาณ 42% ว่าเฟดจะไม่ปรับเปลี่ยนอัตราในการประชุมเดือนธันวาคม เทียบกับประมาณ 14% เมื่อเดือนที่แล้ว ตาม อีกทั้งได้ลดความคาดหวังการผ่อนคลายนโยบายในปี 2025 อีกด้วย

มุมมองนี้ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจในวันศุกร์ที่แสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ราคานำเข้าก็ดีดตัวขึ้นเช่นกัน และข้อมูลที่เผยแพร่ในวันพุธและพฤหัสบดีแสดงให้เห็นอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่ลดลงเร็ว

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงาน ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด จากที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.85% จากเพิ่มขึ้น 1.98% ในเดือนกันยายน หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% ต่ำกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด จากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนกันยายน

กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคานำเข้าเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางการการลดลง 0.1% ที่นักวิเคราะห์คาด จากลดลง 0.4% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.8% สูงกว่าการเพิ่มขึ้น 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด จากที่ลดลง 0.1% ในเดือนกันยายน ส่วนดัชนีราคาส่งออกเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.1% จากที่ลดลง 0.6% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกลดลง 0.1% น้อยกว่าการลดลง 1.7% ที่นักวิเคราะห์คาดจากลดลง 1.9% ในเดือนกันยายน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นเฟดรายงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเดือนตุลาคมลดลง 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากที่ลดลง 0.5% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายปี การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3%

ตลาดหันความสนใจจากการชนะการเลือกตั้งของสหรัฐฯ โดยทรัมป์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่สนับสนุนภาคธุรกิจ มาเป็นความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่

หุ้นบริษัทผลิตยาลดลงและฉุดดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 โดยหุ้น Amgen ลดลงประมาณ 4.2% และหุ้น Moderna ลดลง 7.3% หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเขาวางแผนที่จะเสนอชื่อโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ไม่เชื่อเรื่องวัคซีน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ กองทุน SPDR S&P Biotech ETF ร่วงลงมากกว่า 5% และเป็นการลดลงที่เลวร้ายที่สุดรายสัปดาห์นับตั้งแต่ปี 2020

หุ้น Pfizer ลดลง 4.7%

กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศใน S&P 500 เป็นกลุ่มที่มีผลงานแย่ที่สุดของตลาด โดยลดลงมากกว่า 2% เนื่องจาก Nvidia, Meta Platforms, Alphabet และ Microsoft ร่วงลง ยกเว้น Tesla ที่เป็นหนึ่งในกลุ่ม Magnificent Seven เพิ่มขึ้น 3% จากการซื้อขายแบบTrump Trade

คริสตี อาคัลเลียน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ iShares ทวีปอเมริกา ที่ BlackRock กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจมหภาคยังคงเป็นผลดีสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง แต่ในระยะสั้นก็คาดว่าจะมีความผันผวนเล็กน้อย โดยเฉพาะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การบริหารชุดใหม่ และคาดว่าตลาดตราสารทุนของสหรัฐฯ จะปรับสูงขึ้นต่อ เพียงแต่ไม่เป็นปรับขึ้นเป็นเส้นตรง
ดัชนี CBOE วัดความผันผวน ที่บ่งชี้ความวิตกของตลาด แตะระดับ 17.55 ในช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน

หุ้นของบริษัทด้านการป้องกันประเทศและผู้รับเหมาโครงการของรัฐบาลปรับตัวลงเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับบุคคลที่ทรัมป์เลือกเป็นรัฐมนตรีกระทรวงด้านประสิทธิภาพของรัฐบาลคนใหม่เมื่อต้นสัปดาห์นี้

The Consumer staples index, which finished off 0.8%, was also hurt by the nomination news. Among its biggest decliners, Monster Beverage fell 7%, Lamb Weston lost 6% and Keurig Dr Pepper dropped 5% to its lowest level since April.

ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 0.8% จากผลกระทบจากข่าวการเสนอชื่อชื่อบุคคลในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์เช่นกัน โดยหุ้น Monster Beverage ลดลง 7% หุ้น Lamb Weston ลดลง 6% และหุ้น Keurig Dr Pepper ลดลง 5% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน

นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียร่วงลง 3.4% โดยหุ้น Applied Materials ผู้ผลิตอุปกรณ์การผลิตชิปของสหรัฐฯ ร่วงลง 9.2% จากคาดการณ์รายได้ไตรมาสแรกต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด

ตลาดยุโรปปิดลบจากผลประกอบการที่น่าผิดหวัง รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจและธุรกิจทั่วโลก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้น

ตลาดหุ้นยุโรปตกอยู่ภายใต้แรงกดดันการขายครั้งใหม่ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ทรัมป์คาดว่าจะแต่งตั้งบุคคลที่จัดว่าเป็นสายเหยี่ยวต้านจีนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ

บริษัทยาในยุโรปลดลงหลังจากทรัมป์เลือกโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีน ให้เป็นผู้นำกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์

หุ้น Novo Nordisk ลดลง 5.3% หุ้น Sanofi ลดลง 3.3% และหุ้น GSK ลดลง 3.9%

ดัชนีของตลาดสวิส ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทด้านการดูแลสุขภาพในยุโรปจำนวนมาก ลดลง 1.3%

ผลประกอบการที่ตกต่ำตลอดทั้งสัปดาห์ยังมีผลต่อการปรับลงของตลาดอีกด้วย

ดัชนีกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 2.7% โดยหุ้นผู้ผลิตชิป ASML อยู่ในกลุ่มที่ลดลงมากที่สุด หลังจากที่บริษัท Applied Materials ของสหรัฐฯ คาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งเป็นสัญญาณของความต้องการอุปกรณ์การผลิตชิปที่ไม่ใช่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นซบเซา

หุ้น Bavarian Nordic บริษัทไบโอเทคของเดนมาร์กลดลง 17.4% หลังรายงานกำไรหลักไตรมาสสามต่ำกว่าคาด และยอดสั่งซื้อปี 2025 ต่ำกว่าคาดการณ์

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 503.12 จุด ลดลง 3.91 จุด, -0.77%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,063.61 จุด ลดลง 7.58 จุด, -0.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,269.63 จุด ลดลง 42.17 จุด, -0.58%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,210.81 จุด ลดลง 52.89 จุด, -0.27%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.52 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 71.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
———————————————————————————————————————————————————–