ดาวโจนส์ปิดร่วง 382 จุด กังวลนโยบายทรัมป์

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลดลง 382 จุด แรงขายทำกำไรหลังขึ้นต่อเนื่องรับทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ท่ามกลางความกังวลผลกระทบต่อนโยบายทรัมป์ จับตารายงานเงินเฟ้อ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ขยับขึ้นเล็กน้อย ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ รอเงินเฟ้อสหรัฐฯ รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 12พฤศจิกายน ปิดที่ 43,910.98 จุด ลดลง 382.15 จุด หรือ -0.86% นักลงทุนขายทำกำไรออกส่วนหนึ่งจากที่การปรับขึ้นต่อเนื่องหลังโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์ ขณะที่รอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ด้วยความวุ่นวายใจ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,983.99 จุด ลดลง 17.36 จุด, -0.29%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,281.40 จุด ลดลง 17.36 จุด, -0.09%

ดัชนีหลักพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของทรัมป์ในการดำรงตำแหน่งรอบที่สอง จากนโยบายเก็บอัตราภาษีนำเข้าระดับสูงจากคู่ค้ารายสำคัญ ตลอดจนการลดภาษีเงินได้และผ่อนคลายกฎระเบียบของรัฐบาล

แต่ความกระตือรือร้นของนักลงทุนลดลงในวันอังคาร เนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบของแนวนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่ว่า อาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น สงผลให้ค่าเงินดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน

หุ้นที่ซื้อขายแบบ Trump trade ปรับลงมากสุดในวันอังคาร หุ้นขนาดเล็กซึ่งถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในวงกว้าง

โดยดัชนี Russell 2000 ลดลงประมาณ 1.8% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.43%

หุ้น Tesla ปิดลดลง 6% หลังจากที่ปรับขึ้นเกือบ 40% นับจากวันเลือกตั้ง หุ้น Trump Media & Technology Group ลดลงเกือบ 9%

มาร์ค มาเล็ค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Siebert กล่าวว่า หุ้นได้ปรับขึ้นนำไปก่ก่อนที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งสมัยที่สองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และขณะนี้ผลต่อเนื่องจากการเลือกตั้งได้หมดไปแล้ว ความสนใจจึงกลับมาที่ปัญหาเศรษฐกิจหลักบางส่วนที่ยังคงมีอยู่ ได้แก่ความกังวลเกี่ยวกับ ภาระหนี้และการขาดดุล ตอนนี้ตลาดมองว่าการขาดดุลว่าเป็นปัญหา จึงอาจเป็นเหตุผลที่ชะลอการลงทุน

แจ๊ค แอบลิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Cresset Capital กล่าวว่า “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีกดดันการปรับขึ้นของราคาหุ้น ปัญหาอยู่ที่ภาษีนำเข้า การลดภาษี และข้อจำกัดด้านการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งกำลังผลักดันให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ตลาดพันธบัตรไม่สามารถมองข้ามได้

นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในวันพุธ ตามมาด้วยดัชนีราคาผู้ผลิตและข้อมูลยอดค้าปลีกในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญานแนวโน้มของนโยบายการเงิน เพราะเป็นข้อมูลชุดแรกที่จะเผยแพร่หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยรอบใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

รัสเซล ไพร้ซ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Ameriprise Financial กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงถึงความเสี่ยงในระยะสั้นต่อการลงทุน

นอกจากข้อมูลเงินเฟ้อแล้ว สัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็กำหนดให้ความเห็น โดยประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส นายนีล คาชคารี กล่าวเมื่อบ่ายวันอังคารว่านโยบายการเงินของสหรัฐฯ เข้มงวดเล็กน้อย โดยต้นทุนการกู้ยืมระยะสั้นยังคงชะลออัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจต่อไป แต่ก็ไม่ได้มากนัก

นายโทมัส บาร์คิน ประธานเฟดริชมอนด์กล่าวก่อนหน้าในเดียวกันว่า เฟดพร้อมที่จะตอบสนองหากแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรือตลาดงานอ่อนตัวลง

หุ้น Amgen ร่วงลง 6% จากรายงานว่ายาลดความอ้วนของบริษัททำให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง

ตลาดยุโรปปิดลบ โดยดัชนีหลักของยุโรปร่วงลง 2% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนจากความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน ส่งผลกระทบต่อหุ้นที่มีธุรกิจในเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ขณะที่การรายงานกำไรที่ตกต่ำบางส่วนก็กดดันตลาดเช่นกัน

ตลาดหุ้นยุโรปตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากนักลงทุนประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นภาษี หลังจากที่ทรัมป์คว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับจีนปรับลงทั่วโลก เนื่องจากคาดว่าทรัมป์จะแต่งตั้งมาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของเขา ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมารูบิโอสนับสนุนนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวกับคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกา รวมถึงจีนด้วย

หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานร่วงลง 3.7% เนื่องจากราคาโลหะส่วนใหญ่ลดลง หุ้น KGHM บริษัทเหมืองแร่โปแลนด์ ลดลง 9.2% และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ลดลงมากสุดใน STOXX 600

หุ้นกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบริษัทหรูรายใหญ่ที่มีตลาดในจีน ลดลง 2.4% ดัชนีสินค้าฟุ่มเฟือยก็ลดลงเกือบ 4% เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเทคโนโลยี ส่วนใหญ่ทรงตัว โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้น 4% ใน หุ้น Temenos บริษัทด้านซอฟต์แวร์ธนาคารของสวิส จากแผนเร่งการเติบโตในช่วงสี่ปี

หุ้น Bayer ของเยอรมนี ร่วง 14.5% หลังเตือนว่าตลาดการเกษตรที่อ่อนแออาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปีหน้า

เงินเฟ้อของเยอรมนีเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 2.4% ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงในเดือนนี้จากการคว้าชัยชนะของทรัมป์ และการล่มสลายของรัฐบาลเยอรมนี

นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 502.23 จุด ลดลง 10.14 จุด, -1.98%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,025.77 จุด ลดลง 99.42 จุด, -1.22%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,226.98 จุด ลดลง 199.90 จุด, -2.69%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,033.64 จุด ลดลง 414.96 จุด, -2.13%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ธ.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 68.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 71.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–