JMT ปี 68 ตั้งงบลงทุน 2.5-5.0 พันลบ. แผนออกหุ้นกู้ 4.5 พันลบ.

HoonSmart.com>>”เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส”(JMT) ตั้งงบลงทุนปี 68 ไว้ที่ 2,500-5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Unsecure Loan) และมีแผนออกหุ้นกู้ในปี 68 วงเงิน 4,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในช่วง Turnaround หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/67 เล็งไตรมาส 4 ดีสุดของปีนี้ และผลงานปี 68 จะดีกว่าปี 66 พร้อมเล็งปลอดหนี้หลังปี 68 ด้านการแก้ปัญหา ECL ทำได้ตามแผนที่วางไว้

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ปรธานากรรมการบริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุน 2,500-5,000 ล้านบาท ในปี 2568 หลักเน้นลงทุนไปที่สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Unsecure Loan) อยู่ ในส่วนของ JK มีทิศทางเป็นบวก ปีนี้ (2567) คาดว่า JK AMC จะเติบโตได้ประมาณ 10% ไม่มีอะไรน่าห่วง ส่วน JMT ผลประกอบการไตรมาส 4 จะดีที่สุดในปี 2567 ส่วนปี 2568 จะมีผลประกอบการดีกว่าปี 2566 แน่นอนไตรมาส 4 ปีนี้ผลงานจะกลับมา แต่ไม่เท่าปี 2566 แต่ปี 2568 จะกลับมาแน่นอนอย่างมั่นคง

“การ JV จะไม่มีวันเกิดขึ้น จะมีการเจรจาซื้อขายหนี้กับปกติ ภาพรวมปัจจุบันหนี้ที่ออกมาเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ หนี้ก้อนนี้มีอยู่ประมาณล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งได้หล่นลงมาแล้วตัด write off ปัจจุบันหนี้ก้อนนี้สถาบันได้ตัด write offf แล้วตัดมาขาย ซึ่งผู้ซื้อไม่สามารถซื้อหนี้ก้อนนี้มาได้หมด เพราะก้อนมันมหึมา และวงเงินแต่ละ AMC มีจำนวนจำกัด เพราะหนี้ที่ขายออกมาขายไม่หมด ทาง AMC ก็ต้องมาเลือก หนี้ก้อนไหนขายออกมาแล้ว สามารถเลือกแล้วสามารถสร้างรายได้กับเราได้ ส่วนที่เกิดขึ้นคือ ECL ที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว นี่เป็นส่วนที่ Pain Point ที่ต้องโฟกัส ถ้าเราซื้อหนี้เข้ามาแล้ว แล้วเกิด ECL สิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายในการฟ้อง เท่ากับว่าเราต้องเสียค่าใช้จ่าย และตั้ง ECL เพิ่ม ดังนั้น Pricing ของตลาดในช่วงที่ผ่านมาก็จะลดลงมา ตามศักยภาพของพอร์ตนั้น ๆ ตัวเลือกการซื้อหนี้ของ JMT ตั้งแต่ไตรมาส 4 จนถึงปีหน้า ยังเป็น Unsecure Loan อยู่ เรายังคงมีความเชี่ยวชาญด้าน Unsecure ทุกรูปแบบ”

สถานการณ์ Cash Collection ปรับตัวดีขึ้น เพราะใกล้ไตรมาส 4 โบนัส รวมถึงภาวะตลาดกลับมาคึกคักกว่าช่วงต้นปี แม้ยอดจ่ายมาจะไม่สูงเท่าปีที่แล้ว หมายถึงลูกค้าต่อรายอาจไม่จ่ายยอดสูง แต่เห็นปริมาณจ่ายจำนวนมากขึ้น ก็จะถูกชดเชยกันไป ดังนั้น Cash collection ของ JMT มีอัตราการเติบโตดีขึ้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการฟ้องได้ และเอาแคมเปญไปช่วยลูกค้า ภาพรวมตอนนี้น่าจะมีทิศทางเป็นบวกของ JMT

นายปิยะ กล่าวว่า “เรามีเงินในกรมบังคับคดีหลักร้อยล้าน ถ้าได้มันก็จะกลับมา เพราะ ECL จัดการได้แล้ว เรื่อง Interest ก็จะลดลง มีบอนด์ที่ยังเป็นภาระในปี 68 หลังปี 68 เราจะปลอดหนี้ ดังนั้นปี 69 จะปลอดหนี้ ฝั่งค่าใช้จ่ายก็จะลดลง ดังนั้นจึงไม่เห็นความเสี่ยงของ JMT ก็คืออะไร ผมเห็นว่ามีแต่จะดีขึ้น ๆ มีพอร์ตหนี้ที่จะเข้าไปซื้อ ภูมิใจมากสุดคือพนักงานที่ช่วยกันขับเคลื่อน ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 4 พันคน และมีเทคโนโลยีเข้ามาเสริม ทำให้พนักงานสามารถสร้างรายได้ต่อคนสูงขึ้น”

นายวงศกร กิตติตระกูลกาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน JMT เปิดเผยว่า แหล่งที่มาของเงินทุนที่จะใช้ตลอด 1 ปี จะมาจากกระแสเงินสดในบริษัทในช่วงไตรมาส 4/2567 ถึงไตรมาส 3/2568 ประมาณ 4,500 ล้านบาท จากกองทุนรวมและหุ้นกู้ รวมราว 2,300 ล้านบาท วงเงินจากสถาบันการเงิน 950 ล้านบาท จากเงินปันผลและ/หรือการชำระเงินกู้ระหว่างบริษัท-JV 500 ล้านบาท รวมถึงในปี 2568 บริษัทมีแผนระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้วงเงิน 4,500 ล้านบาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับกองหนี้ที่จะเข้ามาขาย ซึ่งในปีหน้าบริษัทมีภาระในการคืนหนี้หุ้นกู้ประมาณ 6,400 ล้านบาท

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT กล่าวว่า โครงสร้างรายได้จากการบริหารหนี้มีสัดส่วน 88% รับจ้างบริหารหนี้ 6% และธุรกิจประกันภัยและอื่น ๆ ยังมีสัดส่วนประมาณ 6% โดยในส่วนของธุรกิจประกันภัยในปีหน้า (2568) จะต้องมีการบันทึกมาตรการบัญชีแบบใหม่ ซึ่งจะรับรู้รายได้เท่าไร ก็บันทึกค่าใช้จ่ายประมาณเดียวกัน จากปัจจุบันที่ทยอยรับรู้รายได้แต่ละคราว แต่บันทึกค่าใช้จ่ายทีเดียวทั้งหมด ทำให้เกิดความไม่ Balance กัน ดังนั้นมาตรการบันทึกบัญชีใหม่จะทำให้ธุรกิจประกันภัย Turnaround ได้

ทั้งนี้ 9 เดือนปี 2567 พอร์ตซื้อหนี้มาบริหารอยู่ที่ 534,864 ล้านบาท รวม JK AMC ส่วนกระแสเงินสดที่เก็บได้ในปีที่แล้ว (2566) เก็บได้ 8,710 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนปีนี้เก็บเงินสดได้ 6,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปี 2566 ที่เก็บเงินสดได้ 6,224 ล้านบาท จากลูกค้ามีการปิดบัญชีได้มากขึ้น ส่วน Gross Margin 9 เดือนที่ผ่านมามี 2,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วที่มี 2,574 ล้านบาท โดยปีหน้า (2568) คาดว่า Gross Margin จะอยู่ประมาณ 67%

“การแก้ไข ECL ในไตรมาส 3 ถือว่าได้ผล สามารถคุมสถานการณ์ได้ตามแผนที่วางไว้ และ JMT ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังไตรมาส 3 ทำกำไรได้ 430 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบัน JMT อยู่ในช่วง Turnaround แล้ว”