‘จีเอ็มเอ็ม มิวสิค’ยื่นไฟลิ่งรอ IPO 228.8 ล้านหุ้น แกรมมี่ฯร่วมขาย148.8 ล้านหุ้น

HoonSmart.com>>”จีเอ็มเอ็ม มิวสิค”  (GMM) ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 228.80 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนของ GMM จำนวน 80 ล้านหุ้น และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิม 148.8 ล้านหุ้น ชูจุดเด่นเป็นบริษัทรายเดียวที่ประกอบธุรกิจด้านเพลงโดยเฉพาะ (Music Pure Play)ในตลาดหลักทรัพย์ 

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม มิวสิค (GMM)เปิดเผยว่า บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค Spin-off ออกจากบริษัทแม่ (จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่-GRAMMY) เพื่อสร้างความชัดเจนทางธุรกิจสำหรับดำเนินตามแผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสร้าง New Music Economy ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ล่าสุดบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิคและ GRAMMY ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเดินหน้าเข้าจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย โดยเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) รวมไม่เกิน  228.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขาย IPO แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนของ GMM จำนวน  80 ล้านหุ้น และหุ้นเดิมของ GRAMMY 148.8 ล้านหุ้น

ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้เดินเกมรุกเพื่อ Unlock Value มูลค่าบริษัทฯ ยกระดับคุณภาพ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อเดินหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้สู่การเป็น “The Next Asia’s Dragon” ผ่านการสร้างความร่วมมือกับผู้นำด้านธุรกิจดนตรีที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจับมือลงทุนเชิงกลยุทธ์กับ ‘”เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป (TME)” และ “เทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (TENCENT)” จากประเทศจีน รวมถึง “วอร์เนอร์ มิวสิค กรุ๊ป คอร์ป (WMGC)” จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการผนึกกำลังกับพันธมิตรเหล่านี้ นับเป็นการปูทางสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังมีการร่วมทุนกับค่ายเพลง “แอลดีเอช (LDH)” จากประเทศญี่ปุ่นก่อตั้งบริษัท จี แอนด์ แอลดีเอช  (G&LDH) เพื่อพัฒนาศิลปินร่วมกัน รวมถึงการก่อตั้งบริษัท วายจีเอ็มเอ็ม  (YGMM) เพื่อผลิตศิลปินฝึกหัดร่วมกับค่ายเพลง “วายจี (YG)” จากเกาหลี ทุกความร่วมมือเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายในการสร้างระบบเศรษฐกิจเพลงยุคใหม่ (New Music Economy) ให้เกิดขึ้นจริง สอดรับกับอนาคตอันสดใสของอุตสาหกรรมดนตรีในระดับโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการเติบโตระลอกที่สอง (Music Second Wave Boom)

“จุดเด่นที่สำคัญของ GMM  คือการจะเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านเพลงโดยเฉพาะ (Music Pure Play) เพียงรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ครอบคลุมธุรกิจเพลงแบบครบวงจร ผ่านกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ กว่า 7 กลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่การเฟ้นหาพัฒนาศิลปิน การผลิตเพลง การบริหารค่ายเพลง และการทำตลาดทุกช่องทาง โดยมีกลุ่มเรือธงที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ มาจาก 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจดิจิทัลมิวสิค กลุ่มธุรกิจโชว์บิซ และ กลุ่มธุรกิจบริหารศิลปิน”นายภาวิต

ด้าน นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าวเสริมว่า  กลุ่มบริษัทฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 1,838.28 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 3,072.90 ล้านบาทในปี 2565 และ 3,912.75 ล้านบาทในปี 2566 และมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างโดดเด่นเช่นกัน จาก 80.16 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 304.58 ล้านบาทในปี 2565 และ 402.81 ล้านบาทในปี 2566 ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2567 ยังคงรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่งไว้ได้ โดยมีรายได้ถึง 1,796.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,719.73 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจด้านเพลงโดยเฉพาะ (Music Pure Play) และกลยุทธ์การบริหารจัดการที่ดี ทำให้มั่นใจว่าจะยังคงรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคต”

สำหรับวัตถุประสงค์การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของ GMM

1. เพื่อใช้ลงทุนผลิตผลงานเพลง  โดยมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเพลงสำหรับส่งลง Music Streaming, เพิ่มศิลปินใหม่ และศิลปินฝึกหัด รวมถึงขยายสเกลของ Music Festival ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ฯลฯ

2. เพื่อใช้ลงทุนในกิจการร่วมค้า ผ่านการขยายขอบเขตความร่วมมือไปยังพันธมิตรใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นไปยังพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลกที่มีชื่อเสียง เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และเอื้อให้เกิดรูปแบบความร่วมมือใหม่ๆ ที่จะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น

3. เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

4. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ลดความจำเป็นในการกู้ยืมสถาบันทางการเงิน ทั้งยังเป็นการสร้างแต้มต่อในการคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต