“คิงส์ฟอร์ด”คาดแนวต้านวันนี้ 1,465-1,470 จุดแนะ COCOCO-WHA

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นวันนี้แนวต้านดัชนี 1,465 – 1,470 จุด ส่วนแนวรับ 1,450 จุด ตลาดยังได้แรงหนุนเงินกองทุนวายุภักษ์ ติดตามกำไร Q3/67 กลุ่มแบงก์สัปดาห์นี้ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งทำนิวไฮ แนะเก็งกำไร CKP,SPREME,SAMART มีสัญญาณบวกทางเทคนิค หุ้นเด่นชู COCOCO-WHA

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 จุด โดยมีแนวต้านที่ 1,465 – 1,470 จุด ได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,HMPRO,DOHOME ได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงิน/ กลุ่มปลอดภัย ADVANC,BDMS,CHG และเก็งกำไร CKP,SPREME,SAMART มีสัญญาณบวกทางเทคนิค

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.03%, S&P500 +0.71%, Nasdaq +0.60% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีและบริการสื่อสาร หลังรายงาน Fed Minutes 17 – 18 ก.ย. คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่หนุนให้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% หนุนดัชนี DJIA และ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดอีกครั้ง คืนนี้ติดตามรายงานเงินเฟ้อ

หุ้นเด่นแนะนำวันนี้ ได้แก่ COCOCO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.50 บาท) มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขมูลค่าการส่งออกน้ำมะพร้าวของไทยที่เติบโตสูงในเดือน ก.ค.-ส.ค. ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายและกำไรปกติใน 3Q67 ของบริษัทน่าจะเติบโตได้ดีทั้ง QoQ, YoY เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนในสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีน โดยสินค้าประเภทน้ำมะพร้าวยังคงขายดีและช่วยสร้าง GPM ให้ดีขึ้นตาม U-rate ที่สูงขึ้น

ขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มทำกำไรต่อเนื่อง ทั้งนี้จาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 929 ล้านบาท +72%YoY และ 1.27 พันล้านบาท +37%YoY

หุ้น WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ WHA เองวางเป้ารายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไร) ราว 1.5 หมื่นล้านบาท/ EBITDA margin>50% และ เป้าขายที่ดินปีนี้ 2,500 ไร่(เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมที่ 2,275 ไร่) +18%YoY เน้นไปที่ที่ดินในไทย 2,300 ไร่ ส่วนที่เหลือ 200 ไร่เป็นที่ดินในเวียดนาม

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ WHA ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 4,645 ล้านบาท (+5%YoY) และ 5,943 ลบ.(+28%YoY)