โบรกฯ มองหุ้นวันนี้แนวโน้มปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ อนุมัตโครงการ EEC หนุนลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ แนะนำถือหุ้นต่อไปได้ คาด SET index เปิดตลาดอยู่เกณฑ์ดี สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากนักลงทุนบางส่วนโยกย้ายเงินออกจากพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond yield ลดลง) เข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศ มี Sentiment เชิงบวกจากการประชุมครม.เมื่อวานนี้ ที่มีการอนุมัติ 4 โครงการใน EEC
บล.กรุงศรี คาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,645 – 1,650 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว เนื่องจากได้แรงหนุนจากปธน.ทรัปม์กล่าวว่าสหรัฐสามารถทำข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่กับจีนได้ โดยคาดว่าจะมีการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค.
นอกจากนี้ปัจจัยบวกภายในประเทศจากการที่ครม.อนุมัติโครงการลงทุนใน EEC วงเงินรวม 6.5 แสนล้านบาท จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัว อย่างไรก็ตามความกังวล US bond yield 10 ปีที่ดีดตัวขึ้นเหนือ 3.1% อีกครั้ง ประกอบกับกระแส Fund flow ต่างชาติที่ยังคงขายต่อเนื่องตามทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะกดดันให้ดัชนีดีดตัวขึ้นในกรอบจำกัดและมีโอกาสถูกแรงขายสลับให้ย่อตัวลง
อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นมาอีกครั้งของ Bond yield สหรัฐฯ (ล่าสุดรุ่น 10 ปีอยู่ที่ 3.13%) อาจทำให้ Upside ของตลาดหุ้นยังไม่เปิดกว้างมากนัก ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง น่าจะทำให้ Fund flow ยังไม่มีการไหลกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะทำให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเบาบางต่อไป
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down แม้บรรยากาศการลงทุนจะเป็นบวก แต่ล่าสุดตัวเลข PMI เดือน ต.ค. ของจีนออกมาชะลอตัวและต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากสงครามการค้ายังคงกดดัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังปรับลงกดดันกลุ่มพลังงาน ทำให้ยังมองกรอบการบวกของตลาดยังจำกัดบริเวณ 1,645-1,655 จุด
อย่างไรก็ตามคาดว่าปัจจัยที่จะมีน้ำหนักมากขึ้นและชี้นำทิศทางดัชนีในระยะนี้คือผลประกอบการ 3Q18 กลุ่ม Real Sector
กลยุทธ์ แนะเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 3Q18 แข็งแกร่ง ทำกำไรระยะสั้นในช่วงตลาดปรับขึ้น โดยหุ้นเด่นเดือนต.ค.ได้แก่ BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินแนวรับสำคัญบริเวณ 1,585 / 1,620 อย่างไรก็ตามภายหลัง SET ปรับตัวลงมากกว่า 100 จุด อาจเห็นภาพของการ Rebound บริเวณ 1,655 / 1,685 จุด และยังคงแนะถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% ซึ่งหุ้นบางตัวปรับลงมาถึงในโซนที่เราประเมินว่าสามารถเริ่มกลับมาทยอยสะสมได้อีกครั้ง นำโดย CPN, MACO, GPSC และหุ้นที่คาดผลประกอบการ Q3 เด่น นำโดย BEM, STEC, SCCC แต่ควรกำหนดจุด Cut loss ที่ชัดเจนเนื่องจากตลาดหุ้นในระยะนี้มีความผันผวนสูง
