กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย เปิดชื่อ 3 อันดับผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ “คลัง” ถือ 10% รองลงมา AIA Company Limited-EQ3-P ถือ 3.76% และ เมืองไทยประกันชีวิต 3.76% พร้อมซื้อขายในตลาด SET ดีเดย์ 31 ต.ค. นี้
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “TFFIF” ในวันที่ 31 ต.ค.2561
TFFIF จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อ 24 พ.ย.2559 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1,000 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังถือหน่วยลงทุนทั้งหมด TFFIF เสนอขายหน่วยลงทุนส่วนเพิ่มทุนต่อผู้จองซื้อทั่วไประหว่างวันที่ 12-19 ต.ค.2561 จำนวน 2,300 ล้านหน่วย และเสนอขายต่อผู้จองซื้อพิเศษ ผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investor) และกระทรวงการคลัง ระหว่างวันที่ 22-25 ต.ค.2561 จำนวน 2,170 ล้านหน่วย รวม 4,470 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่าระดมทุน 44,700 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย และบลจ.เอ็มเอฟซี เป็นผู้จัดการกองทุนและมีบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ,บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่าและธนาคารกรุงไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน
ภายหลังเสนอขายหน่วยลงทุนส่วนเพิ่ม TFFIF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 รายแรก ได้แก่ กระทรวงการคลัง 10% AIA Company Limited-EQ3-P 3.76% และบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 3.76% โดย TFFIF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการกองทุนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เมื่อมีกำไรสะสมเพียงพอและไม่มียอดขาดทุนสะสม โดยเมื่อรวมแล้วในแต่ละงวดปีบัญชีไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว
TFFIF ลงทุนในสิทธิที่จะได้รับ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางหลังหักภาษีมูลค่าเพิ่มของทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์-วงแหวนรอบนอก) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ระยะทางรวม 83.2 กิโลเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันโอนสิทธิตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ (RTA) โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (EXAT) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเป็นผู้บริหารจัดการทางพิเศษดังกล่าว นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังเข้าถือหน่วยลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 10% เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บบลจ.กรุงไทย และน.ส.ประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า TFFIF เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีคุณภาพของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขันของประเทศ TFFIF ถือเป็นทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากส่วนแบ่งรายได้ของทางพิเศษที่มีความมั่นคงและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงโอกาสในการเติบโตจากปริมาณการจราจรบนทางพิเศษและการขยายระบบทางด่วนและทางเชื่อมต่อในอนาคตที่จะเข้ามาใช้ทางพิเศษ รวมถึงการเข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมในอนาคต
นอกจากนี้ผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดายังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผลเป็นระยะเวลาประมาณ 8 ปี