TIPH เปิด 6 เดือนแรกกำไรลด ดันบริษัทลูกรุกตลาดนันมอเตอร์

HoonSmart.com>>ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เผย 6 เดือนแรก รายได้ 7,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านกำไรลดลงร่วม 145 ล้านบาท ผลจากตลาดหุ้นผันผวนทำผลตอบแทนลด หวังครึ่งปีหลังดีขึ้น ดันบริษัทลูกขยายตลาดประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์เพิ่ม

นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) แจ้งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2567 ว่า บริษัทมีรายได้ 7,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือโต 0.1% เป็นการเติบโตมากกว่าตลาดประกันวินาศภัย 3.7 เท่า

ทั้งนี้ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.7 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถบริหารจัดการค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายในการจัดการค่าสินไหมทดแทนสุทธิที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวลดลลง 85 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงาน

อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีรายได้และกำไรจากการลงทุน 433 ล้านบาท ลดลง 52 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 10.8% ขณะที่ภาวะตลาดทุนดัชนีราคาหุ้นปรับตัวลดล 13.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนของต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทย่อย ซึ่งสะท้อนมายังงบการเงินรวมของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% ของงบการเงินรวม ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ของบริษัทย่อย

ด้านกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวน 815 ล้านบาท ลดลง 145.35 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 1.37 บาทต่อหุ้น

ดร.สมพร กล่าวว่า กำไรจากการลงทุนไม่เป็นไปตามคาด เพราะช่วงครึ่งปีแรกภาวะตลาดมีความผันผวนสูง กระทบต่อผลตอบแทนของการลงทุน แต่ก็คาดหวังว่าตลาดจะกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนของภาครัฐจะออกมามากขึ้น ส่วนกำไรจากการรับประกันภัยยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง โดยเฉพาะประกันรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV ที่อัตราความเสียหายยังอยู่ในระดับสูง เกือบ 100% เมื่อรวมค่าใช้จ่ายและการดำเนินงาน และค่านายหน้า ซึ่งมีการปรับเบี้ยขึ้นให้เหมาะสม และเน้นไปรุกตลาดประกันรถยนต์สันดาปมากขึ้น

สำหรับ ปี 2567 บริษัททิพยประกันภัย ที่เป็นบริษัทลูก มีเป้าหมายที่จะมีเบี้ยรับรวมเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรม ที่สมาคมประกันวินาศภัยคาดว่าปีนี้จะโต 5-6% จากปี 2566 ที่มีเบี้ยรับรวม 285,028 ล้านบาท โดย 7 เดือนแรกของปีนี้ เบี้ยรับรวมยังคงเติบโตตามเป้าหมาย แม้ภาพรวมตลาดไม่ได้ขยายตัวมาก แต่บริษัทฯมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายฐานลูกค้าประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์หรือนอนมอเตอร์ (Non- Motor) ให้มากขึ้น

ล่าสุด ร่วมกับทาง กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ในการขายประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ราคาเบี้ย 27 บาท และ 72 บาท และจะมีการขายประกันด้านอื่นๆ กับสมาชิก กบข. เพิ่มเติม โดยตั้งเป้าเบี้ยรับรวมจากฐานลูกค้ากบข.ปีนี้ประมาณ 400-500 ล้านบาท