INSURE ขาดทุน Q2 กว่า 350% ผลเบี้ยประกันภัยต่อวูบ

HoonSmart.com>>อินทรประกันภัย ขาดทุนจากการรับประกันภัย ทำผลการดำเนินงาน Q2/67 ติดลบ 350% ผลจ่กเบี้ยประกันภัยต่อวูบ งวด 6 เดือน ขาดทุนแค่ 34%

นายบรรจง ชินธนะศิริ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทรประกันภัย (INSURE) รายงานผลการดำเนินงาน งวด 3 เดือนและ 6เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2567

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2567
บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิ 59 ล้านบาท (ขาดทุน 4.95 บาทต่อหุ้น) หรือขาดทุน 357% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท (กำไร 2.33 บาทต่อหุ้น) สาเหตุมาจาก

1. ผลการรับประกันภัยเบี้ยประกันภัยรับ 1,072 ล้านบาท ลดลง 8% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากเบี้ยประกันภัยรับต่อ ลดลง 125 ล้านบาท ซึ่งเป็นประกันภัยทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำและบริษัทรับเสี่ยงภัยไว้เต็มจำนวน ทำให้เบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิจากการประกันภัยต่อลดลงจากปีก่อน 39 % แม้ว่าต้นทุนการรับประกันภัยจะลดลงตามยอดขาย แต่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนจากการรับประกันภัยในไตรมาสนี้ 110 ล้านบาท
ลดลง 650% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

2. บริษัทฯ มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ปี2566 มีผลขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุน 2 ล้านบาท

สำหรับ ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน มีผลกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท (กำไร 5.12 บาทต่อหุ้น) ขาดทุน 34% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท (กำไร 9.27 บาทต่อหุ้น) ผลจาก

1. เบี้ยประกันภัยรับ 2,065 ล้านบาท ลดลง 2% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทเติบโตในประกันภัยประเภททรัพย์สินมากขึ้น เพื่อชดเชยยอดขายประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่ลดลงจากการแข่งขันทางการตลาด เบี้ย
ประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 38 % เป็นผลจากการปรับสัดส่วนการรับเสี่ยงภัยของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการรับประกันภัย ค่าใช้จ่ายดำเนินงานส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนจากการรับประกันภัย 91 ล้านบาท ลดลง 175% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

2. บริษัทฯ มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ปี2566 มีผลขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุน 7 ล้านบาท

3. บริษัทฯมีกำไรจากการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จำนวน 103 ล้านบาท