HoonSmart.com>>ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 6 ส.ค.2567 ปิดที่ 38,997.66 จุด เพิ่มขึ้น 294.39 จุด หรือ +0.76% เพราะนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ ที่ทำให้เกิดการเทขายหุ้นทั่วโลกวันก่อนหน้า ประกอบกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,240.03 จุด เพิ่มขึ้น 53.70 จุด,+1.04%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,366.85 จุด เพิ่มขึ้น 166.77 จุด, +1.03%
ในช่วงบ่าย ดัชนี Dow ปรับขึ้นไปถึง 717 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 2.4% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.5%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่ม IT และอุตสาหกรรม หุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ หลายตัวก็ดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 3.8% หุ้นเมตาแพลตฟอร์มส เพิ่มขึ้น 3.9%
บรรยากาศการซื้อขายดีขึ้นมากเมื่อวานนี้จากวันจันทร์ที่ดัชนี Dow และ S&P 500 ร่วงลงแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 หลังจากข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอย โดยดัชนีวัดความผันผวน(Cboe Volatility Index:VIX) ซึ่งวัดความวิตกลดลงสู่ระดับ 26
รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนของ Baird กล่าวว่า ความผันผวนมีแนวโน้มที่จะยังคงเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากยังมีการคืนเงินกู้ยืมในสกุลเยน ( unwind carry trade) แต่ก็ไม่กังวลต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ เพราะตลาดแรงงานยังคงค่อนข้างดีแม้จะชะลอลงบ้าง และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่ง
นางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก บ่งชี้เมื่อวันจันทร์ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีขึ้นในปลายปีนี้ แม้ไม่ได้ให้รายละเอียดเจาะจงลงไป
“การปรับเปลี่ยนนโยบายจะมีความจำเป็นในไตรมาสต่อๆ ไป แต่จะดำเนินการแค่ไหนและเมื่อไรจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามาเป็นอย่างมาก” นางดาลีกล่าวระหว่างการประชุมที่ฮาวาย
นางดาลียังบอกว่า เธอยังคงคิดว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโต แม้ตลาดแรงงานจะอ่อนตัวลงและนโยบายที่เข้มงวดน้อยลงก็เหมาะสม
BlackRock บริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับมาได้ จากที่คลายความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการ unwind carry trade ในเงินเยนเริ่มคลี่คลาย โดยยังคงคำแนะนำการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐเป็น overweight ด้วยแรงหนุนจากหุ้น AI ขนาดใหญ่ และการเทขายล่าสุดเป็นโอกาสช้อนซื้อ
นอกจากนี้ยังระบุว่าการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดเป็นการชะลอการจ้างงาน ไม่ใช่จากภาวะถดถอย และการว่างงานที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากอุปทานแรงงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการย้ายถิ่นฐาน ไม่ใช่การเลิกจ้าง ซึ่งเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญเมื่อเทียบกับภาวะถดถอยครั้งก่อน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ในเดือนมิ.ย. สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 2.5% มาที่ 73.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และยังมากกว่า 72.5 พันล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาด การนำเข้ามีมูลค่า 339.0 rพันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.6% และส่งออกเพิ่มขึ้น 1.5% มูลค่า 265.9 แสนล้านดอลลาร์
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ บริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้นกว่า 4% หลังกำไรต่อหุ้นและรายได้ในไตรมาส 2 ปีนี้ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
ตลาดยุโรปปิดบวก ตามการฟื้นตัวในตลาดโลกหลังจากการทรุดตัวลงเมื่อวันก่อน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยีนำการปรับขึ้น ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทที่ดีกว่าคาดได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นเช่นกัน
ดัชนี Euro Stoxx volatility index วัดความผันผวน ก็ลดลงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 เมื่อวันจันทร์ ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะอารมณ์ของนักลงทุนที่ดีขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น จากการไล่ซื้อกลับของนักลงทุน และการให้ความเห็นในเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐก็มีส่วนหนุนตลาด อีกทั้งดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นปิดปรับตัวขึ้น 10% หลังจากที่มีการเทขายรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ Black Monday เมื่อปี 1987
นักลงทุนคลายความวิตกหลังเจ้าหน้าที่เฟดปัดตกความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เตือนว่า เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว
การรายงานคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งเกินคาด หนุนตลาดหุ้นเยอรมนี
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 1.7% นำโดยหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิป ทั้งASM International, ASML และ BE Semiconductor
หุ้น Monte dei Paschi di Siena ธนาคารอิตาลีพุ่ง 9% หลังปรับคาดการณ์กำไรและการจ่ายเงินปันผลไปจนถึงปี 2028
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 488.44 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ +0.29%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,026.69 จุด เพิ่มขึ้น 18.46 จุด หรือ +0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,130.04 จุด ลดลง 18.95 จุด หรือ -0.27%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,354.32 จุด เพิ่มขึ้น 15.32 จุด หรือ +0.09%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 73.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 76.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล