ดาวโจนส์ปิดร่วง 610 จุด จ้างงานต่ำกว่าคาดวิตกศก.ถดถอย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลดลง 610 จุด -1.51% จากร่วงลงถึง 989 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขายหลังรายงานข้อมูลการจ้างงานต่ำกว่าคาด นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ราคาน้ำมันดิบร่วง 3.66% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 2 สิงหาคม 2567 ปิดที่ 39,737.26 จุด ลดลง 610.71 จุด หรือ -1.51% แม้จะฟื้นตัวจากที่ร่วงไปลงถึง 989 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขายหลังการรายงานข้อมูลการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

.ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,346.56 จุด ลดลง 100.12 จุด, -1.84%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,776.16 จุด ลดลง 417.99 จุด, -2.43%
ดัชนี Nasdaq เป็นดัชนีหลักแรกที่เข้าสู่การปรับฐานหลังร่วมลงระดับ all-time high กว่า 10% ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Dow ลดลง 5.7% และ 3.9% จากระดับ all-time highs ตามลำดับ.
หุ้นยักษ์ใหญ่บางตัวลดลงมากในระหว่างวัน เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสสองของ อเมซอนทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พุ่งขึ้น หุ้นอเมซอนร่วงลง 8.8% หลังรายได้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และออกการคาดการณ์ที่น่าผิดหวัง

หุ้น Intel ลดลง 26% หลังจากเผยแพร่คาดการณ์ที่อ่อนแอและลดพนักงาน หุ้นNvidia ลดลง 1.8%
หุ้นแอปเปิ้ล บวก 0.69% หลังเปิดเผยยอดขาย iPhone ดีเกินคาดในไตรมาส 3 ปีนี้ และคาดการณ์ยอดขายเพิ่มขึ้น จากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ

กลุ่มธนาคารร่วงจากความวิตกว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอย หุ้นแบงก์ออฟอเมริกาลดลง 4.9% และหุ้นเวลล์ฟาร์โกลดลง 6.4%
กระทรวงแรงงานรายงานว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า 185,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด และชะลอตัวจาก 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลงจากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 และสูงกว่า 4.1%ที่นักวิเคราะห์คาด

หลังจากการรายงานข้อมูลเหล่านี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงต่ำมาที่ 3.79% จาก 3.98% วันพฤหัสบดี และจาก 4.70% เดือนเมษายน เพราะนักลงทุนแห่เข้าตลาดพันธบัตรเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากความวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจจะตัดสินใจพลาดที่คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาในสัปดาห์นี้

ขณะนี้ความกังวลกำลังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงนานเกินไป การลดอัตราดอกเบี้ยแม้ทำให้ครัวเรือนและบริษัทในสหรัฐฯ กู้ยืมเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงหนึ่งปีกว่าที่จะเกิดผล
ไบรอัน จาคอบสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Annex Wealth Management กล่าวว่า เฟดดูเหมือนจะชนะ แต่แพ้ โมเมนตัมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงมากจนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนจะน้อยเกินไปและสายเกินไป เฟดจะต้องทำอะไรบางอย่างที่มากกว่า การลดแบบเดิม 0.25% เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ลงมาที่ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนกันยายน

แนท ทูฟต์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Manulife Investment Management กล่าวว่า ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดสะท้อนเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่ตลาดตอบสนองมากเกินไป ณ จุดนี้ และให้น้ำหนักมากเกินไปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตอนนี้ แม้เศรษฐกิจกำลังอ่อนแอ แต่ไม่เชื่อว่าจะมีหลักฐานเพียงพอว่าข้อมูลจนถึงตอนนี้ว่าเศรษฐกิจจบแล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นที่เผยแพร่เมื่อคืนนี้ คือ คำสั่งซื้อภาคโรงงานจากกระทรวงพาณิชย์ที่ลดลง 3.3% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งลดลงมากกว่า 2.9% ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 0.9%

ตลาดยุโรปปิดลบ ท่ามกลางการขายหุ้นทั่วโลกในวงกว้าง หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐฯ ทำให้เกิดความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยภาคการเงินและเทคโนโลยีได้รับผลกระทบหนักที่สุด

ตลาดตราสารทุนทั่วโลกปั่นป่วนหลังจากอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 4.3% ในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางการจ้างงานที่ชะลอตัวลงอย่างมาก ทำให้เกิดความกังวลว่าตลาดแรงงานจะแย่ลงและอาจจะทำให้เศรษฐกิจเสี่ยงต่อภาวะถดถอย

ดัชนี STOXX 600 ลดลง 2.82% เป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 และลงต่ำกว่าระดับ 500 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน

หุ้นใหญ่ทั้งหมดและเกือบทุกกลุ่มอยู่ในแดนลบ โดยหุ้นเทคโนโลยีปิดลดลง 6.1% หุ้น
บริการทางการเงินลดลง 5.22% ขณะที่หุ้นธนาคารลดลง 4.35%

หุ้นเทคโนโลยีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน ท่ามกลางการขายหุ้นทั่วโลกในวงกว้าง เนื่องจากขณะที่นักลงทุนทิ้งหุ้นเซมิคอนดักเตอร์หลังจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังจาก Intel
ฝหุ้น Intel ร่วงลง 20% ก่อนเปิดตลาดหลังจากที่บริษัทระงับการจ่ายเงินปันผล และประกาศจะลดพนักงานลง 15% เนื่องจากได้รับผลจากการลดการใช้จ่ายในศูนย์ข้อมูลเซมิคอนดักเตอร์แบบเดิมและมุ่งเน้นไปที่ชิป AI

ซึ่งกดดันให้บริษัทชิปอื่นๆ ในยุโรปปรับตัวลดลง โดย ASM International, BE Semiconductor และ ASML ต่างก็ร่วงลงระหว่าง 6.6% ถึง 9.2%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 497.85 จุด ร่วงลง 13.98 จุด, -2.73%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,174.71 จุด ลดลง 108.65 จุด, -1.31%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,251.80 จุด ลดลง 118.65 จุด, -1.61%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,661.22 จุด ร่วงลง 421.83 จุด, -2.33%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ 3.41% ปิดที่ 76.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล