HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง โดยดาวโจนส์ร่วง 494.82 จุด, S&P 500 ลดลง 75.62 จุด, Nasdaq ลดลง 405.25 จุด กังวลเศรษฐกิจถดถอย ด้านตลาดยุโรปปิดลบ นำดิ่งโดยกลุ่มธนาคาร ส่วนราคาน้ำมันร่วง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 1 ก.ค. 2567 ปิดที่ 40,347.97 จุด ลดลง 494.82 จุด หรือ -1.21% จากแรงเทขายหนักหลังนักลงทุนกลับมากังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอย หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ ที่ 5,446.68 จุด ลดลง 75.62 จุด, -1.37%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,194.15 จุด ลดลง 405.25 จุด, -2.30%
ข้อมูลใหม่บางส่วนที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งมุมมองที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจสายเกินไปที่จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และ ISM manufacturing index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดกิจกรรมโรงงานในสหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาด และเป็นสัญญาณการหดตัวของเศรษฐกิจ
กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกว่า เพิ่มขึ้น 14,000 มาที่ 249,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่า 236,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 33,000 ราย มาที่ 1.88 ล้านราย และสูงกว่า 1.86 ล้านรายที่นักวิเคราะห์คาด
สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงาน ดัชนีภาคการผลิตเดือนกรกฎาคมลดลงมาที่ 46.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 จาก 48.5 ในเดือนมิถุนายน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 48.8 ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ภาวะหดตัว หลังจากการรายงานข้อมูลเหล่านี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงต่ำกว่า 4% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
ทอม ฟิตส์แพทริก กรรมการผู้จัดการของ R.J. O’Brien and Associates กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับตั้งแต่การประชุมของ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อยู่ดีๆก็ส่งสัญญาณว่า นักลงทุนกำลังกังวลว่าเศรษฐกิจอาจจะซอฟต์แลนดิ้ง และเฟดก็ลังเลงนานเกินไป ตลาดตราสารหนี้บ่งชี้อยู่แล้วว่าช้าเกินไป
นักลงทุนยังจับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรดือนกรกฎาคมในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง จาก 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1%
ควินซี โจนส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกของ LPL กล่าวว่า การขายออกในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผลประกอบการ แต่อยู่ที่ว่าเฟดจะมองเห็นสิ่งที่ข้อมูลกำลังบอกหรือไม่ หากรายงานการจ้างงานในวันพรุ่งนี้มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น แม้อัตราการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นก็ตาม เฟดก็จะต้องมีคำอธิบายอีกมาก
หุ้นที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดภายใต้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคือกลุ่มที่ลดลงมากในระหว่างช่วงการซื้อขายของวัน ที่เจพี มอร์แกน เชสซึ่งลดลง 2.3% และโบอิ้ง ซึ่งร่วงลงกว่า 6%
บริษัท Qualcom และ Arm Holdings ร่วงลง 9.37% และ 15.72% ตามลำดับหลังรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
สำหรับข้อมูลอื่นที่รายงาน กระทรวงพาณิชยรายงาน การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมิถุนายนลดลง 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 6.2%
ตลาดยุโรปปิดลบ นำโดยหุ้นธนาคาร หลังจาก Societe Generale ในฝรั่งเศส ปรับลดเป้าหมายสำคัญสำหรับธุรกิจลูกค้ารายย่อย และธนาคารกลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ย
กลุ่มธนาคารลดลง 4.5% ซึ่งเป็นการลดลงในวันเดียวที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 จากผลกระทบจากการล่มสลายของ Credit Suisse และความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารในภูมิภาคของสหรัฐฯ
หุ้น Societe Generale ร่วงลงเกือบ 9% หลังจากที่ปรับคาดการณ์รายรับดอกเบี้ยสุทธิจากธุรกิจลูกค้ารายย่อย ซึ่งบดบังผลประกอบการรายไตรมาสที่พุ่งสูงขึ้น
กลุ่มธนาคารของอิตาลีลดลง 2.7% ขณะที่ในสเปนลดลง 1.9%
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-4 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาที่ 5.00% ในการประชุมในวันพฤหัสบดี สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะทำให้ผลกำไรจากอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของธนาคารลดลง
หุ้นธนาคาร HSBC ร่วงลง 6.5%
หุ้น BMW ลดลง 3.1% หลังรายงานผลกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2
กิจกรรมการผลิตของยูโรโซนยังคงหดตัว โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทรงตัวที่ 45.8 ในเดือนกรกฎาคม ส่วนภาคการผลิตของเยอรมนีก็ยังคงชะลอตัว โดยดัชนี PMI ลดลงแตะ 43.2 จาก 43.5 ในเดือนมิถุนายน
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 511.83 จุด ลดลง 6.35 จุด, -1.23%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,283.36 จุด ลดลง 84.62 จุด, -1.01%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,370.45 จุด ลดลง 161.04 จุด, -2.14%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,083.05 จุด ลดลง 425.60 จุด, -2.30
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 76.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ต.ค. ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 79.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล