“เวลธ์ คอนเซปท์” ผงาดเบอร์ 2 กลุ่มบลน. เปิดตัวผู้ถือหุ้นใหญ่-ยันไม่ใช่นอมินี EA

HoonSmart.com>> “บลน.เวลธ์ คอนเซปท์” เปิดตัวผู้ถือหุ้นใหม่ “กลุ่มปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์” เข้าถือหุ้นใหญ่ 70% ตั้งแต่ต้นปี 67 ยันไม่ใช่นอมินีกลุ่ม EA พร้อมโชว์ผลงานเติบโตโดดเด่นเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์กซื้อขายกองทุนรวม หนุน AUM แตะ 4,200 ล้านบาท หลังเปิดบริการ 1 ปี 7 เดือน ผงาดขึ้นอันดับ 2 ของกลุ่ม บลน. พร้อมตั้งเป้า AUM แตะ 10,000 ล้านบาทในปี 68 อนาคตเล็งหาพาร์ทเนอร์ช่วยต่อยอดการเติบโต

เจษฎา ยงพิทยาพงศ์

นายเจษฎา ยงพิทยาพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) เวลธ์ คอนเซปท์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มของคุณปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ประมาณ 70% และกลุ่มของตนเองถือสัดส่วน 30% ส่งผลให้นายเอก อาหุนัย ไม่ได้ถือหุ้นของบริษัท ก่อนที่จะเกิดกรณีของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA)

“ดีลนี้มีการพูดคุยกันตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งคุณปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์ เดิมเป็นลูกค้าของบริษัทอยู่แล้วก็สนใจธุรกิจ บลน. จึงเป็นที่มาของการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ ขณะที่กลุ่มของคุณเอก อาหุนัย (ลูกชายคุณสมโภชน์ อาหุนัย กลุ่ม EA) จากเดิมถือหุ้นใหญ่รวม 60% ก็ขายหุ้นออกทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแล้ว ยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นนอมินีของกลุ่ม EA และการถอนหุ้นออกก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด”นายเจษฎา กล่าว

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งเปิดดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนซื้อขายขายหน่วยลงทุนเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2567 มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท เติบโต 20% จากสิ้นปีที่ผ่านมามี AUM ประมาณ 3,500 ล้านบาท และตั้งเป้าสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมี AUM สูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มผู้ประกอบการ บลน.ทั้งหมด 9 ราย ปัจจุบัน AUM ส่วนใหญ่มาจากกองทุนรวมที่มีค่าธรรมเนียมน้อย (Non Hi Fee) ประมาณ 60% และกองทุนรวมที่มีค่าธรรมเนียมสูง (Hi Fee)ในกลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศสัดส่วน 40% โดยลูกค้าสามารถซื้อขายกองทุนรวมผ่านระบบ Fund Connect ของตลาดหลักทรัพย์ได้สะดวกและคล่องตัว

“สิ่งที่ทำให้บริษัทเติบโตค่อนข้างเร็วน่าจะมาจากการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน ที่ดูแลลูกค้าให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดจึงมีการบอกต่อ ทำให้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจนปัจุบันมีบัญชีลูกค้าจำนวน 690 บัญชี โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ค ตามคำนิยามของ ก.ล.ต. ซึ่งมีความมั่งคั่งค่อนข้างสูง ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าจากกลุ่มนี้สูงถึง 90% มีเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน 42 คน และจะเพิ่มเป็น 60 คนภายในสิ้นปีนี้”นายเจษฎา กล่าว

ปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุนรวมให้แก่บลจ. 12 แห่ง มีกองทุนรวมนำเสนอให้แก่ลูกค้ามากถึง 2,000 กอง และเดือนหน้าจะเพิ่มอีก 1 ราย อยู่ระหว่างคุยอีก 2 รายในปีนี้ โดยมุ่งเน้นขายกองทุนรวมเป็นหลัก ส่วนลูกค้าที่ต้องการลงทุนหุ้นกู้ บริษัทก็ส่งต่อไปยังตัวแทนขายที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ แต่ก็ไม่มากและได้ชะลอส่วนของหุ้นกู้มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาแล้ว หลังจากเห็นสัญญาณหุ้นกู้จากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทมีการวิเคราะห์ภาพรวม ข้อมูลต่างๆ เพื่อแนะนำและจัดพอร์ตให้แก่ลูกค้าด้วย

ปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์

ด้านนางสาวปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บลน.เวลธ์ คอนเซปท์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวมีความสนใจธุรกิจบลน. เนื่องจากมองแนวโน้มการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์กเป็นกลุ่มที่มีเงิน จึงต้องดูแลและให้คำแนะนำลูกค้าอย่างใกล้ชิดและรวดเร็ว จึงโฟกัสธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง แม้จะเป็นเบอร์ 2 ในอุตสาหกรรม แต่ยังมีขนาดเล็กและกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพของเรายังมีอีกมากจึงมุ่งเน้นเพิ่มจำนวนลูกค้า ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากธุรกิจมีคู่แข่งค่อนข้างมาก สิ่งที่ลูกค้าต้องการ คือ เรื่องของบริการและความเชื่อใจ

สำหรับเป้าหมายในระยะสั้นคาดหวัง AUM เติบโตแตะ 10,000 ล้านบาท ในปี 2568 และระยะถัดไปอาจเริ่มมองหาพาร์ทเนอร์ ที่เป็นบุคคลที่มีศักยภาพหรือมีคอนเนคชั่น เพื่อมาร่วมผลักดันการเติบโตของบริษัทต่อไปและอีก2 ปีน่าจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรในรูปแบบบริษัทเพิ่มเติม ส่วนแนวคิดจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ด้วยหรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องของอนาคต

“ตอนที่เข้าซื้อหุ้นบลน.เวลธ์ คอนเซปท์ ยังไม่ได้มีเหตุการณ์ EA แต่เรามองว่าการถือหุ้นหลายกลุ่มอาจยากในการบริหารจัดการ เลยสนใจที่จะถือหุ้นใหญ่ และส่วนตัวมีความสนใจธุรกิจบลน. ซึ่งจากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจและอีกบทบาทก็เป็นนักลงทุน มีความสนใจและเริ่มลงทุนมา 20 ปี ทั้งหุ้นและกองทุนรวม หลังจากคุยกับคุณเจษฎา เห็นการดูแลลูกค้าอย่างดีและเคมีตรงกันจึงชวนมาร่วมธุกิจ จากเดิมที่ตั้งใจจะเกษียณหลังจากออกจากบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง โดยมองว่าไม่ว่าจะเกิดวิกฤตหรือภาพบวก นักลงทุนก็ยังซื้อกองทุนได้ทั้งสองขา จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและเติบโตได้อีกมาก”นางสาวปิยะภัทร์ กล่าว

สำหรับมุมองตลาดหุ้นไทยอาจเป็นโอกาสของนักลงทุนหลายๆ คน แต่ส่วนตัวมองโอกาสในตลาดต่างประเทศสามารถกระจายเงินไปลงทุนได้ผ่านกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญและเงินลงทุนไม่เสียภาษีเป็นอีกทางเลือกในการลงทุน