MAGURO ครึ่งปีหลังลุยเปิด 11 ร้าน ..Q4 เผยโฉมแบรนด์ใหม่ ปักธงโต 30%

HoonSmart.com >> “MAGURO” รุกหนักครึ่งปีหลัง ปูพรมเปิด 11 ร้านใหม่ หวังดันรายได้ปีนี้โต 30%  เจาะทำเลทอง กรุงเทพกรีฑา เปิดทั้ง มากุโระ และ ฮิโตริ ชาบู สัปดาห์หน้า …Q4 เตรียมเปิดแบรนด์ใหม่ มัดใจกลุ่มลูกค้าพรีเมียมเซ้กเม้นท์ “เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง” ซีอีโอ มั่นใจปีนี้ ขยายเครือข่าย 38 ร้าน หวังดันรายได้ปีนี้โต 30% 

เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป  (MAGURO)  ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส เปิดเผยว่า   บริษัทวางกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก ในครึ่งปีหลัง 2567  เดินหน้าขยายกิจการ เปิด 11 ร้านใหม่  ส่งผลให้ปีนี้เปิดร้านใหม่ทั้งหมด 13 ร้าน  รองรับความต้องการของลูกค้าระดับพรีเมียม และ พรีเมียม-แมส ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล  สิ้นปีนี้ Maguro จะมีเครือข่ายทั้งหมด 38 ร้าน เชื่อมั่นว่า แผนการขยายธุรกิจเชิงรุก ด้วยการเปิด 13 ร้านใหม่ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 11 ร้าน รวมถึงการเปิดแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 2 แบรนด์ คือ HITORI SUKIYAKI และแบรนด์ใหม่ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 4 นี้ จะสร้างรายได้รวมของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย 30% ในปีนี้

นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหาร  กล่าวว่า  MAGURO เตรียมเจาะฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงย่านกรุงเทพกรีฑา ทำเลทองบ้านหรู สุดฮ็อต โดยเปิด 2 ร้านพร้อมกันทั้ง มากุโระ และ ฮิโตริ ชาบู เพื่อรองรับลูกค้าในย่านนี้ ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีโครงการบ้านเดี่ยวราคาสูงและค่อนข้างสูงจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับการทานอาหารระดับพรีเมียม

นอกเหนือจากกลยุทธ์ขยายสาขาแล้ว ทางบริษัทได้มีการใช้ Data จากระบบ CRM หรือระบบ Customer Relation Management เพื่อจับ พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบัน พบว่า ลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านในเครือ MAGURO ทุก ๆ แบรนด์ มีความหลากหลาย ทั้งด้านอายุ อาชีพ รวมถึงผู้ร่วมรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยกลุ่มขนาดเล็ก คือ 2-3 ท่าน ไปจนถึงกลุ่มขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ทำให้บริษัทฯ ปรับวางกลยุทธ์เพิ่มเติมในส่วนของเมนูอาหารที่จะมีความหลากหลายมากขึ้น

รวมถึงขนาดของเซ็ตอาหารที่แต่เดิมจะเน้นเป็นเซ็ตเมนูขนาดใหญ่ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาในรูปแบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนขนาดใหญ่ จะเพิ่มเซ็ตเมนูขนาดเล็ก-กลาง เข้ามารองรับกลุ่มลูกค้าที่มาทานคนเดียว หรือมาเป็นคู่ อาทิเช่นเมนู Lady’s Salmon ซาชิมิแซลมอน 5 ชิ้น ขนาดพอดีคำ และ Perfect Portion Salmon ซาชิมิแซลมอนขนาดใหญ่เต็มคำในปริมาณ 4 ชิ้น เพื่อส่งมอบความพรีเมียมให้เข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุม ซึ่งในทุก ๆ เมนูยังคงส่งมอบความ ‘Give More Culture’ หรือ การให้มากกว่าที่ขอ’ เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” นายจักรกฤติกล่าวสรุป