“เดลต้า อีเลคโทรนิคส์” ทุ่มก่อสร้างโรงงานในอินเดีย มูลค่า 3 พันล้านบาท และก่อสร้างโรงงานในนิคมฯ เวลโกรว์กว่า 939 ล้านบาท พร้อมโชว์กำไรไตรมาส 3/61 กำไร 1.68 พันล้านบาท เติบโต 19% จากงวดปีก่อน ยอดขายเพิ่ม กำไรค่าเงินบาท
บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 กำไรสุทธิ 1,680.96 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.35 บาท เพิ่มขึ้น 19.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,409.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.13 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 4,129.32 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.31 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,600.28 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.89 บาท
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ DELTA บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2561 อนุมัติการลงทุนเพิ่มเพื่อก่อสร้างโรงงานในเมือง Krishnagiri ประเทศอินเดีย มูลค่าโครงการ 6,514 ล้านอินเดียรูปีหรือ 3,051 ล้านบาท ทั้งนี้หลังจากคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2561 มีมติอนุมัติให้ซื้อที่ดินในเมือง Krishnagiri ประเทศอินเดีย โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณเดือนพ.ย.2561 และเสร็จสิ้นปี 2562 สำหรับเงื่อนไขในการชำระเงินตามความคืบหน้าของโครงการเป็นรายงวด
สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ดำเนินการมาจากกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยจะลงทุนด้วยการเพิ่มทุนผ่านบริษัทย่อยในสิงคโปร์ Delta Energy Systems (Singapore) Pte Ltd และเพิ่มทุนต่อไปยัง Delta India Electronics Pvt,Ltd
นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในเดือนธ.ค.2561 มูลค่าโครงการประมาณ 939 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จสิ้นปี 2562 ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ เพื่อขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ รองรับการเติบโตในอนาคต โดยจะใช้เงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานในการลงทุน โดยเงื่อนไขในการชำระเงินตามความคืบหน้าของโครงการเป็นรายงวด
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/61 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 19.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 21.1% จากไตรมาส 2/61 โดยในไตรมาส 3/61 มียอดขาย 13,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้หากไม่นำผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อเงินเหรียญสหรัฐเข้ามาพิจารณา ยอดขายในไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้น 14.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ยอดขายเพิ่มขึ้นมาจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะยอดขายในกลุ่มเพาเวอร์ซัพพลายมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรม (Standard Industrial Power Supplies หรือ IPS) เพิ่มขึ้น 18.9% รองลงมาเพาเวอร์ซัพพลายที่ใช้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions) เพิ่มขึ้น 22.2% ขณะเดียวกันยอดขายไตรมาสนี้เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 4.5% โดยยอดขายเพิ่มขึ้นมาจากผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัพพลายมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรม (Standard Industrial Power Supplies หรือ IPS) เพิ่มขึ้น 14.2%
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/61 จำนวน 3,358ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.3% และเพิ่มขึ้น 16.2% จากไตรมาส 2/61 สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการแข็งค่าของเงินบาทมีผลกระทบลดลงเมื่อเทียบไตรมาสก่อน