SCGP ครึ่งปีแรกโตฉลุยปันผล 0.25 บ. มั่นใจรายได้เข้าเป้า 1.4 แสนล.

HoonSmart.com>>SCGP มั่นใจปี 2567 รายได้ไม่ต่ำกว่า 1.4 แสนล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมาย ด้าน 6 เดือนแรกทำยอดขายแล้ว 6.81 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% ปันผลหุ้นละ 0.25 บาท ดีล FAJAR เสร็จไตรมาส 3 จ่อเปิดดีลใหม่เพิ่ม พร้อมปรับทัพผู้บริหารใหม่มีผล 1 ต.ค.นี้

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) มั่นใจว่าปีนี้จะทำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 1.4 แสนล้านบาท โดยจะได้แรงหนุนจากราคาสินค้าจีนแพงขึ้น ทำให้สินค้าของบริษัทสามารถแข่งขันได้ การแข่งขันฟุตบอลยูโร การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก การเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ความต้องการแพคเกจจิ้งเพิ่มสูงขึ้น คาดว่ายอดขายจะเข้ามาอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 เป็นต้นไป

สำหรับ การดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี จะเน้นการเติบโตด้วยตัวเองควบคู่กับการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการ Fajar’s สัดส่วน 44.48% ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยมาจากเงินสดสภาพคล่องประมาณ 8,000 ล้านบาท และเงินกู้ประมาณ 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% จะหนุนให้ธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตอย่างเข้มแข็ง

นอกจากนี้ จะมุ่งสู่สร้างเครือข่ายการจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล หรือ RCP และเพิ่มการใช้ประโยชน์ของโรงงานทั้งหมด 158 แห่ง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งยกระดับการบูรณาการ ห่วงโซ่อุปทานและความสามารถในการทำกำไรโดยเฉพาะการดำเนินงานในประเทศอินโดนีเซีย SCGP ได้จัดสรรงบประมาณการลงทุน (CAPEX) ไว้ประมาณ 15,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Merger and Partnership: M&P)

“จะมีดีลใหม่เพิ่มอีก 1 ดีล อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องราคาและเวลาที่เหมาะสม ซึ่งไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเราได้เข้าซื้อหุ้น ในบริษัทวีอีเอ็ม(ไทยแลนด์) หรือ “VEM-TH” 90% เงินลงทุนรวมประมาณ 146 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและต่อยอดกลยุทธ์การขยายการเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการเพื่อตอบสนองความต้องการใช้สินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น”นายวิชาญ กล่าว

นายวิชาญ กล่าวว่า บริษัทฯมุ่งเดินหน้าธุรกิจตามแนวทาง ESG โดย SCGP ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ครอบคลุมหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในผลิตภัณฑ์ เยื่อกระดาษ กระดาษ กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์พลาสติก รวมทั้งสิ้น 109 ผลิตภัณฑ์ และกระบวนการพิมพ์และการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์กระดาษรวม 16 กระบวนการ ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษ รวมถึงกลุ่มสินค้ากระดาษถ่ายเอกสารและบรรจุภัณฑ์อาหาร (Fest) ได้รับการรับรองรวม 19 ผลิตภัณฑ์

สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้เข้ามาแล้ว 68,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจาก รายได้จากการขายเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการฟื้นตัวของตลาดส่งออก นอกจากนี้อุปสงค์ของสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวดีขึ้นจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มฟื้นตัวสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง

ด้าน EBITDA อยู่ที่ 9,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA margin อยู่ที่ 14% ส่วนกำไรทำได้ 3,178ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธที่ 5%

นายดนัยเดช เกตุสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน SCGP กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติ จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 1,073 ล้านบาทสำหรับงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2567

สำหรับ 6 เดือนแรก บริษัทมีเงินสดภายใต้การบริหาร 2.4 หมื่นล้านบาท มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 5.6 หมื่นล้านบาท และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 4.3% มีการใช้เงินลงทุนไปแล้ว 3,102 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 1.5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังได้ปรับทัพการบริหารใหม่ ด้วยการแต่งตั้งและโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป โดยได้แต่งตั้ง นายเอกราช นิโรจน์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด จากปัจจุบัน นั่งเก้าอี้ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง

ตั้งนาย สุชัย กอประเสริฐศรี เป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง จากปัจจุบันที่นั่งเก้าอี้ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการเยื่อและกระดาษ และตั้งนายเถลิงศกัดิ์ ราชบุรี เป็น ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการเยื่อและกระดาษ จากปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่ง President Director PT. Fajar Surya Wisesa Tbk.

ฟินันเซีย แนะซื้อราคาเป้าหมาย 43 บาท

ด้าน บล.ฟินันเซีย วิเคราะห์ว่า SCGP มีกำไร ไตรมาส2 ปี 2567 ทำได้ 1,479 ลบ. -11% q-q, +3% y-y ใกล้เคียงกับที่บริษัทฯและตลาดคาด โดยรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยกำไรลดลง q-q เพราะ low seasonal ในไทยและอินโดฯ (วันหยุดยาว) ส่วนกำไรที่เพิ่ม y-y เป็นไปตามการฟื้นตัวของการบริโภคทั่วโลก

แม้ต้นทุน (เศษกระดาษรีไซเคิล ราคาพลังงาน) จะเพิ่ม แต่ทยอยปรับราคาขายได้ มีการ sourcing เศษกระดาษจากในประเทศมากขึ้น และใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น การปรับราคาขายขึ้นได้ก็ถือว่าตลาดแข็งแรงมากพอ แม้จะมี lag time อยู่บ้างราว 2-3 เดือนก็ตาม

SCGP ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.25 บ/หุ้น yield 0.9% XD 6 ส.ค. 2567 คงคำแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 43 บาท