Hoonsmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น โดยดาวโจนส์บวก 127.91 จุด S&P 500 บวก 59.41 จุด และ Nasdq บวก 280.63 จุด รับแรงซื้อกลับจากหุ้นบิ๊กแคป หุ้นเทคโนโลยีฟื้น ด้านตลาดยุโรปปรับขึ้น กลุ่มเทคโนโลยี-การเงินขึ้นนำ ขณะที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 22 ก.ค. 2567 ปิดที่ 40,415.44 จุด เพิ่มขึ้น 127.91 จุด หรือ +0.32% เนื่องจากนักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น growth stocks ขนาดใหญ่หรือ megacap ซึ่งช่วยให้ทั้ง S&P 500 และ Nasdaq Composite ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงแรงในสัปดาห์ก่อน
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,564.41 จุด เพิ่มขึ้น 59.41 จุด, +1.08%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,007.57 จุด เพิ่มขึ้น 280.63 จุด, +1.58%
หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 4.8% จากที่ลดลง 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทกำลังวางแผนที่จะผลิตชิป AI รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนซึ่งจะสอดคล้องกับการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน
หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆ เช่น Meta Platforms และ Alphabet ก็เพิ่มขึ้นกว่า 2% เช่นกัน
หุ้น CrowdStrike เป็นหุ้นที่แย่ที่สุดใน S&P 500 ลดลง 13.5% แต่ฟื้นจากที่ร่วงลงเกือบ 18% ในสัปดาห์ที่แล้ว
โมนา มาฮาจัน นักยุทธศาสตร์การลงทุนอาวุโสของ Edward Jones กล่าวว่า มีการหมุนกลับเข้าสู่ภาคเทคโนโลยีหลังจากการขายออกไปมากและรุนแรงขึ้นจากการระบบของ CrowdStrike ล่ม อีกทั้งผลประกอบการที่ดีขึ้นและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ทำให้นักลงทุนมีความหวัง
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันอาทิตย์ และรับรองรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนปีนี้ แข่งกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
นับตั้งแต่การดีเบตที่สร้างผลในเชิงลบของไบเดนในเดือนมิถุนายน นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่ามีความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะชนะในเดือนพฤศจิกายน
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ผันผวน โดย Trump Media & Technology Group ลดลง 0.8% ในขณะที่บริษัทซอฟต์แวร์ Phunware เพิ่มขึ้น 4%
การรายงานผลการดำเนินงานและนโยบายของเฟดยังคงเป็นประเด็นสำคัญสำหรับตลาด เทรดเดอร์ให้น้ำหนักเกือบ 93% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงการแจ้งผลการดำเนินงาน ของ Alphabet และ Tesla
ตลาดยุโรปปิดบวก ฟื้นตัวจากที่ร่วงแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยหุ้นเทคโนโลยีและการเงินนำการปรับขึ้น
กลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปิดบวก โดยหุ้นเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.8% จากที่ร่วงลงแรงสุดในรอบสามปีในสัปดาห์ เนื่องจากหุ้นชิปส่วนหนึ่งดีดตัวขึ้นหลังจากการเทขายทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยความกังวลของนักลงทุนต่อความเป็นไปที่สหรัฐฯจะมีข้อจำกัดทางการค้า
บริษัทสินค้าหรูที่มีตลาดในจีน เช่น LVMH, Kering และ Hugo Boss ปรับขึ้นระหว่าง 1.2% ถึง 4.3% หลังจากที่จีนลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวอย่างไม่คาดคิด ซึ่งถือเป็นการปรับลดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ลดลง 2.4% จากหุ้นสายการบินไรอันแอร์ของไอร์แลนด์ ที่ร่วง 17.2% หลังรายงานผลกำไรตกต่ำเกือบครึ่งในไตรมาส 2
ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาการรายงานผลการดำเนินงานของธนาคารรายใหญ่ที่สุดของภูมิภาคบางแห่ง เช่น Santander ของสเปน, BNP Paribas ของฝรั่งเศส, Deutsche Bank ของเยอรมนี และ UniCredit ของอิตาลี
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 514.79 จุด เพิ่มขึ้น 4.76 จุด, +0.93%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,198.78 จุด เพิ่มขึ้น 43.06 จุด, +0.53%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,622.02 จุด เพิ่มขึ้น 87.50 จุด +1.16%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,407.07 จุด เพิ่มขึ้น 235.14 จุด, +1.29%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 79.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 82.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล