HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวโน้มดัชนี SET อาจผันผวนจากประเด็นผู้บริหาร EA ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ มองแนวต้านดัชนี 1,340 – 1,350 จุด ส่วนแนวรับ 1,320 จุด แนะทยอยซื้อหุ้นได้ประโยชน์จาก มาตรการดิจิทัล วอลเล็ต, กลุ่มท่องเที่ยวรับมาตรการฟรีวีซ่าเที่ยวไทย 93 ประเทศ เสิร์ฟหุ้นวันนี้แนะ TOP-TU
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,320 แนวต้าน 1,340 – 1,350 จุด ประเมินดัชนีอาจผันผวนจากประเด็นผู้บริหาร EA ถูก กลต.กล่าวโทษ ส่วนประเด็นการลอบยิงทรัมป์คาดไม่ส่งผลกระทบมากนัก โดย S&P500 Futures เช้านี้ +0.11% แนะนำทยอยซื้อ CPALL,CPAXT,TNP,CBG,OSP ได้ประโยชน์จาก มาตรการดิจิทัล วอลเล็ต, ท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,MINT,CENTEL,ERW รับมาตรการฟรีวีซ่าเที่ยวไทย 93 ประเทศ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.62%, S&P500 +0.55%, Nasdaq +0.63% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่กลุ่มธนาคารใน S&P500 -1.5% หลังรายงานงบ Q2/67 ส่วนรายงาน US PPI มิ.ย.ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.6% และคาด 2.3% และ พ.ค. 2.4% YoY และ ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. อยู่ที่ 66.0 และ มิ.ย. 68.2 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TOP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท) แม้ผลประกอบการหลักใน 2Q67 จะอ่อนตัวจากค่าการกลั่น แต่กำไรสุทธิยังอยู่ในเกณฑ์ดีจากกำไรสต๊อกน้ำมัน ในขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมีโอกาสทยอยฟื้นตัวได้จากค่าการกลั่นที่ผ่านจุดต่ำสุดไปในช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งหากมองข้ามไปใน 3Q67-4Q67 ก็จะเห็นกำไรปกติที่ดีขึ้นตามลำดับจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะส่วนต่างราคาน้ำมันในกลุ่ม Middle distillates รวมถึงในปี 68 โครงการ CFP จะแล้วเสร็จส่งผลบวกต่อกำลังการกลั่นและสัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจะเพิ่มขึ้น ช่วยให้ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาว
หุ้น TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท) ประเมินกำไรปกติ 2Q67 อยู่ที่ 1,360 ลบ. (+6.38%YoY, +52.48%QoQ) มีแรงหนุนจากบาทอ่อน กลุ่มธุรกิจ Ambient Seafood และ ธุรกิจ Petcare หลัง Inventory คู่ค้ากลับสู่ปกติเมื่อเทียบ YoY ขณะที่ในส่วนของ GPM คาด +YoY +QoQ จาก Product mix(สัดส่วน Petcare สูง) และ ราคาปลาทูน่าแกว่งขึ้นจากโซนล่าง 1,300 usd/ton ขึ้นมาเดือนมิ.ย.67 ที่ 1,580 usd/ton(โดยเฉพาะ Ambient Seafood/ ต้นทุนถูก/มีเหตุผลในการการปรับขึ้นราคาขาย)
ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิ TU จะอยู่ที่ 5,886 ล้านบาท (จากขาดทุนปี66) และ 6,599 ล้านบาท (+12.12%YoY) ตามลำดับ