HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 1.42 จุด อยู่ในโหมดรอปัจจัยใหม่ ทั้งตัวเลข PCE สหรัฐคนนี้ ส่วนไทยรอดูเรื่องการตั้งกองทุน และปัจจัยการเมือง โดยหุ้นในกลุ่ม EA โดนถล่มทั่วหน้า-ไหลลงต่อเนื่องมา 4-5 วันที่ผ่านมาแล้ว
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 28 มิ.ย. 2567 ณ เวลา 10.01 น.อยู่ที่ระดับ 1,308.04 จุด ลดลง 1.42 จุด หรือ -0.11% มูลค่าซื้อขาย 2,895.36 ล้านบาท
ทั้ง่นี้ หุ้นในกลุ่ม EA โดนถล่มทั่วหน้า โดยเมื่อเวลา 10.01 น.หุ้น EA ร่วง 9.33% มาที่ 13.60 บาท ลดลง 1.40 บาท ส่วน BYD ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันติดลบไป 5.59% มาที่ 1.52 บาท ลดลง 0.09 บาท และ NEX ลบ 4.30% มาที่ 1.78 บาท ลดลง 0.08 บาท ซึ่งหุ้นในกลุ่ม EA ได้ปรับตัวลงต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4-5 วันที่ผ่านมาแล้ว และยังไม่มีทีท่าจะหยุดไหลลง
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินดัชนีฯ มีรีบาวด์ แต่เคลื่อนไหวในกรอบจำกัด วันสุดท้ายของไตรมาส 2 และก่อนเข้าวันหยุด โดยผ่านการ rollover สัญญาณ TFEX series “M” มาแล้ว ตลาดจะสะท้อนภาพของพื้นฐานและข่าวสารที่เป็นจริงมากขึ้น โดยรวมๆ ดัชนีฯ ไม่น่าจะเดินหน้าขึ้นไปได้มาก (โอกาสลงมีอยู่) เพราะตลาดต่างประเทศ ยังอยู่ในโหมดของการรอคอยปัจจัยใหม่ สหรัฐฯ มีตัวเลข PCE คืนนี้ และของไทย ยังรอดูเริ่องการตั้งกองทุน และผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ (นายกฯ) ที่กว่าจะทราบผลยังอีกนาน แรงซื้อจึงเป็นแค่การเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ
ตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของสหรัฐฯ ออกมา 1.4% qoq ตามตลาดคาดที่ 1.4% คือ ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ค. ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% mom ทำให้โอกาสในการลดดอกเบี้ยของเฟดจะสูงขึ้น เป็นข่าวบวกเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯและพันธบัตร (Bond Yield 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 4.30%) แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ถ้อยแถลงของกรรมการเฟดแต่ละท่าน ให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อ ทำให้ต้องรอดูว่าเมื่อไหร่ เงินเฟ้อจะลดลง และตัวเลข PCE คืนนี้ (คาด 2.6%) น่าจะมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราคาทองคำ ค่าเงินดอลล่าร์ และ Fund Flow มากกว่าตัวเลข GDP
คลังรายงานเศรษฐกิจไทยเดือนพ.ค. ท่องเที่ยว-ส่งออกฟื้น ด้านบริโภคสินค้าคงทนและการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี เงินเฟ้อทั่วไป 1.54% เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.39% หนี้สาธารณะ 63.8% …..ภาคการลงทุน ยังชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดและต่อเนื่อง สอดคล้องกับการใช้กำลังผลิตของประเทศ และการปิดกิจการของโรงงานต่างๆ
ตั้งแต่วันจันทร์หน้า(1 ก.ค.) ตลาดจะใช้เกณฑ์ควบคุมการซื้อขายใหม่ ประกอบด้วย ขนาดหุ้น non-set100 ที่ทำ short selling ได้ เกณฑ์ uptick และ HFT ต้องมีการลงทะเบียน ผลที่เห็นในตลาด คือ การทำ short sell จะลดลง การทำงานของ HFT จะลดลงด้วย ความผันผวนของตลาดลดลง แลกมาด้วยมูลค่าการซื้อของตลาดที่จะลดลง คาดว่าแรงขายจากการทำ short sell จะลด ดีต่อตลาด แต่ถ้าตลาดยังไม่มีข่าวในเชิงบวกที่มีนัยยะเข้ามา ดัชนีฯ หรือราคาหุ้น ก็ยังสามารถลงต่อได้ แต่ถ้าปรากฎว่า หลัง 1 ก.ค. นักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิได้ จะพลิกกลับมาบวกต่อตลาดทันที (น่าจะเพราะผลของเกณฑ์ใหม่ใช้ได้ผล)
Fitch’s เชื่อว่าความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงยังคงอยู่ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงช้า ความเห็นของ Fitch’s ครั้งนี้ ไม่ต่างจากครั้งก่อน (23 มิ.ย.) คือ กังวล NPLs ของธนาคาร เป็นข่าวลบของหุ้นกลุ่มธนาคาร
Event สำคัญๆ วันนี้ รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ค. โดย ธปท. และ ตัวเลข PCE ของสหรัฐฯ คาด 2.6% yoy (เดือนก่อน 2.7%)
ด้านกลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีฯ ต่ำกว่า 1,310 จุด ซึ่งเป็นโซนอันตราย หากยังไม่สามารถกลับมาได้ จะ confirm ว่าการ rebound ได้จบลงไปแล้ว ให้ลดการถือหุ้นลง
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
AOT อยู่ที่ 57.00 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ -2.15% มูลค่าซื้อขาย 677.81 ล้านบาท
EA อยู่ที่ 13.60 บาท ลดลง 1.40 บาท หรือ -9.33% มูลค่าซื้อขาย 406.22 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 151.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -1.30% มูลค่าซื้อขาย 341.55 ล้านบาท
PTT อยู่ที่ 32.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 75.08 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 127.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.79% มูลค่าซื้อขาย 73.41 ล้านบาท