บล.เออีซี มองปัจจัยต่างประเทศ ยังฉุดภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ให้กรอบ แนวรับ 1,627 จุด และแนวต้าน 1,665 จุด แนะเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุน ชูหุ้นในกรอบขาขึ้น TTW , WHA , STEC , WHAUP, และหุ้น Cycle รอบใหม่ อาทิ EASTW ,THG , HTC, EPG ,ROJNA, BRR ,KSL
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี (AECS) มองภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังคงมีแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ส่งผลให้ตลาดหั้นโดยรวมมีการเคลื่อนไหวผันผวนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยหลักที่ต้องจับตา คือ ความไม่แน่นอนข้อตกลง BREXIT หลังการประชุมครั้งล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่เริ่มมีกระแสข่าวในอังกฤษที่แสดงถึงความขัดแย้งของพรรคการเมืองใหญ่ ต่อประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม EU กับอังกฤษในช่วงหลัง BREXIT ซึ่งหากยังไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขของ BREXIT ได้ก่อนกำหนดในเดือน มี.ค. 62 อังกฤษอาจต้องออกจากกลุ่ม EU แบบไม่มีเงื่อนไขซึ่งส่งผลเสียต่อทั้ง 2 ฝ่าย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความกังวลต่อร่างงบประมาณปี 62 ของอิตาลี ที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก EU และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเพดานหนี้ของอิตาลีให้สูงขึ้น กดดันให้ Bond Yield ของอิตาลีดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลต่อ Credit Risk ของหลายบริษัท เนื่องจากต้นทุนทางการเงินในตลาดการเงินสูงขึ้น
กรณีการประกาศตัวเลข GDP ช่วง 3Q61 ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ ซึ่งคาดโตเพียง 3.3%QoQ ลดลงจาก 4.2%QoQ ในช่วง 2Q661จากผลกระทบของสงครามการค้าที่เริ่มส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจจริง โดยสัปดาห์ก่อน จีนซึ่งมีระดับความรุนแรงของข้อพิพาทกับสหรัฐฯมากที่สุด ประกาศตัวเลข GDP ที่มีอัตราโตต่ำสุดในรอบ 9 ปี เป็นสัญญาณเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก
สำหรับทิศทางการลงทุนในส่วนตลาดหุ้นไทย ยังคงต้องเฝ้าลุ้นจังหวะการลงทุนตามกรอบ แนวรับ 1,627 จุด และแนวต้าน 1,665 จุด โดยฝ่ายวิจัย ยังคงแนะนำเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุน ที่มีสัญญาณซื้อทางเทคนิคโดยแบ่งออกเป็น 2 กลยุทธ์ในเชิงเทคนิคคัล
กลุ่ม Aggressive: หุ้นที่อยู่ในกรอบขาขึ้น แต่มีการพักตัว ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค (TTW), กลุ่มนิคม (WHA), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC), กลุ่มโรงไฟฟ้า (WHAUP) และ 2. กลุ่ม Defensive: หุ้นทางต่ำที่รอเริ่ม Cycle รอบใหม่ ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค (EASTW), กลุ่มโรงพยาบาล (THG), กลุ่มอาหาร (HTC), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (EPG), กลุ่มนิคม (ROJNA) หุ้นกลุ่มน้ำตาล (Trading): ด้วยอานิสงส์บวกจากราคาน้ำตาลโลกฟื้นตัวจากเดือน ส.ค. 61 ที่มีราคาราว 9 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 13.89 เซนต์ต่อปอนด์ทำ New High ในรอบ 4.5 เดือน เนื่องจากปริมาณน้ำตาลส่วนเกินปรับตัวลดลงขณะที่ปริมาณการใช้น้ำตาลเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำตาล เลือก BRR, KSL