HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นยืน 1,300 จุดไม่ได้ เหวี่ยงขึ้นลงแรงเกือบ 15 จุด ปิดบวกแค่ 0.82 จุด หลังคดีการเมืองไม่จบ ต่างชาติชิงขายต่อเนื่อง 17 วัน ปัดฝุ่นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ยังไม่แน่นอน รอปรับปรุงเงื่อนไขใหม่ ตลาดรับรู้มาตรการคุมชอร์ตเซล เริ่ม 1 ก.ค.แล้ว ส่วน Circuit Breaker-Auto Halt รายหุ้นเลื่อนออกไปเล็กน้อย
วันที่ 18 มิ.ย.2567 ดัชนีหุ้นไทยผันผวนสูง แรงซื้อไล่ขึ้นไปสูงสุด 1,310.76 จุด พุ่งขึ้น 14.17 จุด ช่วงบ่ายมีแรงเทขายกดลงไปต่ำสุดแถว 1,296.18 จุด ติดลบ 0.41 จุด ก่อนปิดที่ระดับ 1,297.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด หรือ +0.06% มูลค่าซื้อขาย 38,015.41 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายสุทธิ 1,740.94 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 1,183.60 ล้านบาท
ส่วนตราสารหนี้ต่างชาติขายสุทธิ 1,624 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทปิดที่ 36.83 บาท/ดอลลาร์ อ่อนตัวลงตามค่าเงินหยวน ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.นี้ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.35% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี
ตลาดหุ้นไทยยืน 1,300 จุด ไม่ได้ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณากรณีของพรรคก้าวไกล และนายกรัฐมนตรี ไปเป็นวันที่ 10 ก.ค.2567 ทำให้ปัจจัยการเมืองยังมีความไม่แน่นอน อีกทั้งในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้จะมีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นในภูมิภาค ส่วนใหญ่ปิดบวก นำโดยญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1% เกาหลีใต้บวก 0.72% และจีนเพิ่มขึ้น 0.48%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นบ่ายนี้อ่อนตัวลงจากช่วงเช้าที่ปรับขึ้นไปได้กว่า 10 จุด จากการเก็งความคืบหน้าการเมืองที่จะมีความชัดเจนขึ้น แต่หลังจากยังไม่มีการปลดล็อก ไม่มีการตัดสิน ทำให้ตลาดถอยลงมาจนหลุด 1,300 จุด เพราะการเมืองที่ยังอึมครึมทำให้ตลาดกลับมาสู่ภาวะเดิม
“การเมืองไม่จบ นักลงทุนรีบชิงขายก่อน ในทางเทคนิคมองดัชนีฯโอกาสลงไปทดสอบ 1,270 จุดหลังหลุด 1,300 จุดรอบนี้ ซึ่งเป็นระดับช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตลาดคงจะแกว่งซึมไปจนกว่าจะมีประเด็นสำคัญมาช่วยหนุน นักลงทุนต่างชาติขายต่อเนื่องมาประมาณ 17 วันแล้ว”นายวิจิตร กล่าว
ส่วนหุ้นธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มใหญ่ที่เคลื่อนไหวไปตามภาวะตลาด ตอนนี้กลุ่มแบงก์ไม่ค่อยมีปัจจัยบวก ขณะที่ปัจจัยลบก็ตอบรับไปมากแล้ว ตอนนี้ถือว่าถูก แต่ไม่พอต้องมีปัจจัยบวกหนุนด้วย และไม่เล่นตลาดขาลง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ล้อไปกับทิศทางตลาดสหรัฐ ซึ่งราคาน้ำมันปรับขึ้น ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงบวกตาม ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบเล็กน้อย ยังมีปัญหาการเมืองในฝรั่งเศสที่ยังอึมครึม พร้อมให้ติดตามตัวเลข CPI ของอังกฤษที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ (19 มิ.ย.) ก่อนการประชุมธนาคารอังกฤษ (BoE) จะเกิดขึ้นในวันพฤหัส (20 มิ.ย.) รอบนี้ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิต และภาคบริการของยุโรป และสหรัฐ ที่จะทยอยออกมาในวันศุกร์นี้ (21 มิ.ย.)
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (19 มิ.ย.) ตลาดคงจะแกว่งซึมตัวลง โดยมีแนวรับ 1,288-1,280 จุด แนวต้าน 1,305-1,310 จุด
ส่วนความหวังเรื่องรัฐบาลจะออกมาตรการมากระตุ้นตลาดหุ้น รมว.คลัง เผยรัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณา หลังจากนี้จะมีออกมาอีกหลายมาตรการ เช่น มาตรการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะมีการปรับปรุงเงื่อนไขใหม่ เพื่อให้มีความเหมาะสม และดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เพิ่มความเชื่อมั่น โดยเริ่มใช้มาตรการการเพิ่ม Uptick (รายหลักทรัพย์) ในวันที่ 1 ก.ค. 2567 โดยให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-plus Tick) พร้อมการทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Selling ได้ เริ่มวันที่ 21 มิ.ย.นี้ กรณีหุ้นที่ไม่ได้อยู่ใน SET 100 เพิ่มมาร์เก็ตแคปเป็น 7,500 ล้านบาท จากเดิมที่ 5,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บางมาตรการขอเลื่อนการบังคับใช้ออกไปเล็กน้อย เช่น การเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น (Dynamic Price Band) โดยกำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของราคา (ที่แคบกว่า Celling & Floor) เพื่อไม่ให้ราคาผันผวนเกินไป (Phase 1 – เฉพาะในส่วนหุ้นแม่) ซึ่งเลื่อนการบังคับใช้จากไตรมาสที่ 2 เป็นไตรมาสที่ 3 นี้ และมาตรการ Auto Halt รายหุ้น กรณีจำนวนหุ้นรวมในคำสั่งมากกว่าจำนวนหุ้นที่กำหนด เพื่อป้องกันการจับคู่ของคำสั่งซื้อขายที่อาจผิดปกติ ได้เลื่อนบังคับใช้จากไตรมาสที่ 4/2567 เป็นไตรมาส 1/2568