โบรกฯ มองตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงตามหุ้นโลกดิ่งหนักเมื่อวาน วิตกสถานการณ์ต่างประเทศ แนวรับ 1,620-1,650 จุด “ฟินันเซีย ไซรัส” แนะพักเงินหุ้นปลอดภัย “แอพเพิล เวลธ์” แนะลดพอร์ต 20%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีโอกาสเปิดลบลงทดสอบบริเวณ 1,640-1,650 จุดหลังตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงแรงวานนี้ที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ โดยยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนที่ชะลอจากสงครามการค้า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-ซาอุฯ รวมถึงล่าสุด EC ได้ปฏิเสธร่างงบประมาณขาดดุล 2.4% ของอิตาลี
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนสามารถรีบาวด์ลดช่วงลบได้บ้าง กอปรกับ SET ที่ปรับตัวลงแรงและเร็วใน 4 วันที่ผ่านมาทำให้มีโอกาสที่ฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ตลาดที่ดูยังอยู่ในสถานะ Risk-off จึงยังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Defensive Play จะยังปลอดภัยและแข็งแรงกว่าตลาด
กลยุทธ์ยังเน้นพักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive
บล.กรุงศรี มีมุมมองเป็นกลางถึงลบอีกครั้ง โดยคาด SET Index จะปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ จากหลายปัจจัยลบ คือ 1) กังวลความสัมพันธ์สหรัฐ-ซาอุฯตึงเครียดมากขึ้นหลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่านักข่าวซาอุฯที่เสียชีวิตเป็นการสังหารโหด 2) กังวลสถานการณ์การเมืองและเสถียรภาพในอิตาลีหลัง EU คว่ำร่างงบประมาณที่อิตาลีเสนอ 3) กังวลเศรษฐกิจจีนหดตัวกระทบเศรษฐกิจโลก 4) กังวลเศรษฐกิจไทยชะลอตัวหลังตัวเลขส่งออกของไทยพลิกเป็นหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน (ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกและท่องเที่ยว) และ 5) กลุ่มธุรกิจน้ำมันถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงหลังจากซาอุฯยืนยันจะไม่ใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือแม้ถูกคว่าบาตรจากประเทศอื่นๆ โดยให้กรอบแนวรับวันนี้ที่ ระดับ 1,640 – 1,630 จุด
บล.แอพเพิล เวลธ์ ประเมินดัชนี SET มีโอกาสอ่อนตัวลงสู่ระดับแนวรับ 1,620 – 1,650 จุด จากความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.9 – 4.2 % จึงแนะนำลดพอร์ตลง 20 % เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน
บล.เอเอสแอล มองแนวโน้มการลงทุนวันนี้ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะปรับลงตามตลาดหุ้นต่างชาติ โดยวานนี้ (23 ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงแรง เช่น จีน -2.26% , ฮ่องกง -3.08% , ญี่ปุ่น -2.67% , เกาหลี 2.57%
กลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐาน ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือก Selective Buy โดยเน้น (1) กลุ่ม Domestic Play ที่รายได้อิงจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่งเป็นหลัก (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ประโยชน์จากงานก่อสร้างโครงการพื้นฐาน (3) สะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมามาก โดยเราเลือก AOT, CPALL, BJC, GLOBAL, PLANB, SYNEX, STEC และ SEAFCO
