BTSGIF งวดปีพลิกขาดทุน 5,111 ลบ. ประเมินมูลค่าเงินลงทุนวูบฉุดงบติดลบ

HoonSmart.com>> กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF เปิดงบปีบัญชี 66/67 (สิ้นสุดมี.ค.67) พลิกขาดทุนสุทธิ 5,111 ล้านบาท จากกำไร 3,290 ล้านบาท งวดเดียวกันของปีก่อน เหตุขาดทุนจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิใหม่ 9,760 ล้านบาท ด้านรายได้รวมเพิ่มขึ้น หนุนกำไรจากเงินลงทุนสุทธิ 4,648 ล้านบาท งดจ่ายเงินปันผลไตรมาส 4 เหตุขาดทุนสะสม 17,772 ล้านบาท เตรียมจ่ายคืนเงินทุน 0.180 บาท/หน่วย

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2567 พลิกขาดทุนสุทธิ 5,111.64 ล้านบาท จากงวดปีก่อนกำไรสุทธิ 3,289.91 ล้านบาท

กองทุนมีรายการขาดทุนสุทธิจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนจำนวน 9,760.04 ล้านบาท จากงวดปีก่อนขาดทุน 109.94 ล้านบาท โดยรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2567 ครบรอบการประเมินมูลค่าทรัพย์สินใหม่ทุก 2 ปี ตามความตั้งใจของกองทุนฯ กองทุนฯจึงได้มีการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิใหม่โดยผู้ประเมินราคาอิสระ โดยวิธีพิจารณารายได้ (Income Approach) ซึ่งกองทุนฯได้ปรับมูลค่าเงินลงทุนเป็นมูลค่ายุติธรรมใหม่ เป็นมูลค่า 28,870 ล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนจากการประเมินเป็นจำนวน 9,760 ล้านบาท

การประเมินมูลค่าเงินลงทุนในครั้งนี้ได้สะท้อนถึง สภาพการเดินทางในปัจจุบันภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และปัจจัยอื่นๆ รวมถึงปรับปรุงสมมติฐานต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น อาทิ การปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การปรับอัตราเงินเฟ้อ การยกเลิกการปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน การชะลอการเปิดรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เป็นต้น ผนวกกับการใช้โปรโมชั่นค่าโดยสารแบบใหม่ และกระแสเงินสดที่หายไปตามระยะเวลาสัญญาสัมปทานที่สั้นลง ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ราคาประเมินครั้งนี้เปลี่ยนแปลงจาก ณ วันที่ 31 มี.ค.2566

ขณะที่รายได้รวมมีจำนวน 4,715.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3,462.61 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 67.21 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 62.76 ล้านบาท และมีกำไรจากเงินลงทุนสุทธิ 4,648.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 3,399.85 ล้านบาท