ส่งออกก.พ.หดตัว 4.7% คาดครึ่งปีหลังดีขึ้น

HoonSmart.com>>”กระทรวงพาณิชย์” เผยส่งออกเดือนไทยเดือนก.พ.หดตัว 4.7% ดีกว่าตลาดคาดหดตัว 7% เหตุฐานสูงปีก่อน ด้านเศรษฐกิจโลกชะลอตัว คาดครึ่งปีหลังดีขึ้นจากเงินเฟ้อลดลง ปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกทยอยคลี่คลาย ด้านจีนเปิดประเทศหนุน

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนก.พ.2566 มีมูลค่า 22,376.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 730,123 ล้านบาท หดตัว 4.7% หักน้ำมัน สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำและยุทธปัจจัย หดตัวเพียง 0.05% เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อนหน้า และแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กระทบต่อความต้องการสินค้า โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงหดตัว รวมทั้งสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์) และทองคำมีการปรับลดลงจากปัจจัยราคาเป็นหลัก

ทั้งนี้ ส่งออกเดือนก.พ.ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์จะหดตัว 7% YoY

อย่างไรก็ดีการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรกลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือนและสินค้าอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนต่อการส่งออกสูงยังคงขยายตัวได้ดี ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) และเครื่องปรับอากาศ แม้ว่าการส่งออกไปตลาดหลัก (ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น) ยังคงหดตัว แต่การส่งออกไปตลาดเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญในปี 2566 เติบโตดี โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและอินเดีย อีกทั้งการส่งออกไปฮ่องกงที่เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย กลับมาขยายตัวในรอบ 10 เดือน

ทั้งนี้ การส่งออกไทย 2 เดือนแรก มีมูลค่า 42,625.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 4.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 48,388.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.3% ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 5,763.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับมูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนก.พ.2566 การส่งออกมีมูลค่า 730,123 ล้านบาท หดตัว5.3% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 776,425 ล้านบาท ขยายตัว 0.5% ดุลการค้า ขาดดุล 46,301 ล้านบาท ภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 1,430,250 ล้านบาท หดตัว 3.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้ามีมูลค่า 1,647,855 ล้านบาท ขยายตัว 5.0% ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 217,605 ล้านบาท

แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า ช่วงครึ่งปีแรกการส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ประเทศคู่ค้าหลักยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดีคาดว่าช่วงหลังของปี การส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงตามแนวโน้มราคาพลังงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกที่ทยอยคลี่คลาย นอกจากนี้แรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวของภาคบริการและการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าในระยะต่อไป