HoonSmart.com>>หุ้น PTTEP-TOP-BANPU นำดิ่งกลุ่มพลังงาน โดยพลังงานต้นน้ำรับผลกระทบจากราคาพลังงานปรับตัวลง จากอุปสงค์การใช้เชื้อเพลิงทำความร้อนต่ำกว่าคาดในฤดูหนาวของประเทศตะวันตก-กังวลวิกฤตภาคธนาคารในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์การใช้พลังงานและสร้าง Downside ต่อราคาพลังงานในปี 66 ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมันเล็งผลงานฟื้นในไตรมาส 1/66
ดัชนีกลุ่มพลังงานปิดเช้าลบ 1.75% ที่ 21,574.29 จุด ลดลง 383.31 จุด โดยหุ้นที่ปรับตัวลงมากด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาหนาแน่น นำดิ่งโดยหุ้น PTTEP ร่วง 5.54% มาที่ 136.50 บาท ลดลง 8.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,157.45 ล้านบาท
หุ้น TOP ร่วง 5.34% มาที่ 48.75 บาท ลดลง 2.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 767.25 ล้านบาท
หุ้น BANPU ร่วง 3.77% มาที่ 10.20 บาท ลดลง 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,344.14 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ให้น้ำหนักหนักการลงทุนกลุ่มพลังงาน”เท่ากับตลาด” กลุ่มโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมันกลับมาน่าสนใจมากกว่ากลุ่มพลังงานต้นน้ำ โดยคาดว่ากลุ่มโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมันจะรายงานผลประกอบการที่ฟื้น ตัว QoQ ในไตรมาส 1/66 ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มโรงกลั่นจะเห็นการฟื้นตัว QoQ ของ ค่าการกลั่นนตลาด (market GRM) หนุนด้วยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน และน้ำมันดิบ (crack spread) ของผลิตภัณฑ์ Gasoline และพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่ลดลง นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการกลั่น (refinery run rate) ของอุตสาหกรรมน่าจะกลับมาสูงขึ้นจากการกลับมาดำเนินการเต็มไตรมาสของโรงกลั่น PTTGC และ IRPC สำหรับกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน คาดว่า จะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง (marketing margin) ซึ่งน่าจะส่งผลให้ Diesel marketing margin ปรับตัวดีขึ้น
สำหรับธุรกิจพลังงานต้นน้ำ เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลง YTD จากอุปสงค์การใช้เชื้อเพลิงเพื่อทำความร้อน (heating demand) ที่ต่ำกว่าคาดในฤดูหนาวของประเทศตะวันตก อีกทั้งความกังวลจากความล้มเหลวของระบบธนาคารในสหรัฐ อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์การใช้พลังงานและอาจจะสร้าง Downside ต่อสมมติฐานราคาพลังงานในปี 66
ดัชนีกลุ่มพลังงานปรับตัวลง –9.5% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตามแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวลงตาม heating demand ที่ต่ำกว่าจากฤดูหนาวที่อุ่นกว่าคาดในยุโรป ทั้งนี้เชื่อว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน ปลายน้ำกลับมาน่าสนใจมากกว่ากลุ่มพลังงานต้นน้ำ โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” TOP ที่ราคาเป้าหมาย 65 บาท และ SPRC ที่ 12.50 บาท โดยคาดว่าทั้งสองบริษัทจะเห็นการฟื้นตัว QoQ ของ market GRM ในไตรมาส 1/66 ในขณะเดียวกัน ให้คำแนะนำ“ซื้อ” OR ที่ราคาเป้าหมายที่ 25 บาท และ PTG ที่ 18.50 บาท ซึ่งทั้งสองบริษัทน่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้ม Diesel marketing margin ที่สูงขึ้น
ส่งจาก iPhone ของฉัน