HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 1.10 จุด แกว่งตัวหลังขาดปัจจัยใหม่-Fund flow ต่างชาติยังไหลออกต่อเนื่อง-กังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหลังเงินเฟ้อสูง ส่วนในประเทศงบฯโดยรวมส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 21 ก.พ.2566 ณ เวลา 10.04 น. อยู่ที่ระดับ 1,658.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.10 จุด หรือ +0.07% มูลค่าซื้อขาย 4,466.66 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ประเมิน SET แกว่งตัว 1,650 – 1,670 จุด เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่อีกทั้งแรงขายจาก Fund flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง (ขายสุทธิ 2.1 หมื่นล้านบาท MTD.) จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าคาดเพื่อสกัดเงินเฟ้อยังคงเป็นแรงกดดันดัชนีในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจะช่วยหนุนให้ดัชนีรีบาวด์ขึ้นได้จึงแนะนำ Selective buy ต่อไป
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,650-1,667 จุด บรรยากาศการลงทุนโดยรวมขาดปัจจัยใหม่หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดทำการ ขณะที่ปัจจัยกดดันจากเงินเฟ้อสหรัฐฯที่สูง รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่มากขึ้นสะท้อนผ่านการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) สหรัฐฯราว 40-50 bps ซึ่งใกล้เคียงกับ Peak Rate ของเฟดที่คาดปรับขึ้นจาก 4.75-5% เป็น 5.25-5.5%
ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักยังคงอยู่ที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/65 ซึ่งโดยรวมแม้จะต่ำกว่าที่ตลาดประเมิน แต่ Sector สำคัญที่ให้น้ำหนักบวกอย่าง Consumption และ Reopening Play คาดว่ายังแข็งแรง โดยเห็นสัญญาณบวกจาก MAKRO ที่ไม่ต่ำคาด หากหุ้นหลักในกลุ่มฯตัวอื่นๆออกมาในทิศทางเดียวกันเชื่อว่าจะช่วยทำให้แรงขายชะลอลงและเพิ่มความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวในไตรมาส1/66-2566 ได้ โดยยังมองจังหวะพักตัวของดัชนียังเป็นโอกาสในการสะสมระยะกลาง-ยาวจากเศรษฐกิจไทยที่ทยอยเร่งตัว แนวรับหลักที่ทำให้ SET Index ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในภาพระยะกลางอยู่ที่ 1,630+- จุด ส่วนระยะยาวหากมีจังหวะทดสอบแนวจิตวิทยาที่ 1,600 จุดหรือต่ำกว่าจะเป็นจุดในการเข้าลงทุนที่น่าสนใจ
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
CHASE อยู่ที่ 3.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.46 บาท หรือ +15.86% มูลค่าซื้อขาย 595.07 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 138.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.72% มูลค่าซื้อขาย 542.56 ล้านบาท
SINGER อยู่ที่ 21.10 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ -1.86% มูลค่าซื้อขาย 209.97 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.78% มูลค่าซื้อขาย 146.99 ล้านบาท
WHA อยู่ที่ 3.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ +2.07% มูลค่าซื้อขาย 140.09 ล้านบาท