สัปดาห์นี้ 2 หุ้นน้องใหม่เข้าเทรด OSP-BGC ฮอตทั้งคู่ คาดภาวะตลาดกดราคา แนะหาโอกาสซื้อเก็บ ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ กองทุน TFFIF ยังเปิดขาย ปีแรกคาดผลตอบแทน 4.75-5.3% ธ.ก.ส.เปิดขายสลากออมทรัพย์ ครบ 3 ปีรับดอกเบี้ย 0.75 บาท ลุ้นรางวัลใหญ่ 10 ล้านบาทมีโอกาสถึง 36 ครั้ง คลังเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ 3 ปี 1 เดือน รับ 2.46% และ 7 ปี 1 เดือน รับ 3%
ตลาดการเงินและตลาดหุ้นเปิดทำการเพียง 4 วัน(16-19 ต.ค.2561) ในสัปดาห์นี้ มีสินค้าหลากหลายมานำเสนอนักลงทุน ผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้น บริษัทโอสถสภา(OSP)จะนำหุ้นไอพีโอจำนวน 603.75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 25 บาท เข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 17 ต.ค. 2561 เป็นวันแรก จุดเด่นอยู่ที่ประวัติอันยาวนานของบริษัท 127 ปี เป็นผู้นำในสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่มชูกำลัง เอ็ม-150, ลิโพวิตัน-ดี และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ
บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC)นำหุ้นไอพีโอจำนวน 194,444,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 10.20 บาทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ผู้ผลิต จัดจำหน่าย ส่งออก และนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ของไทย รายได้หลักมาจากขวดเบียร์ สัดส่วน 37.30% และขวดเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ สัดส่วน 34.60%
ส่วนหุ้นไอพีโอ บริษัทโรงพยาบาลพระรามเก้า(PR9) เปิดจองซื้อเพิ่มทุน 180 ล้านหุ้น จัดสรรหุ้นส่วนเกิน 20 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 11.60 บาท ระหว่างวันที่ 16 – 19 ต.ค.นี้
บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) ประสบความสำเร็จในการปิดการเสนอขายหุ้นจำนวน 122.28 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท ในราคา 3.65 บาท/หุ้น ระหว่างวันที่ 10-12 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า มีผู้สนใจจองซื้อหุ้นจำนวนมาก พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) ในวันที่ 24 ต.ค.นี้
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือ TFFIF เสนอขายประชาชนทั่วไปในวันที่ 12 – 19 ต.ค.นี้ ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา และยังเปิดให้จองผ่าน Money Connect ระบบจองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต แบงค์กิ้งของธนาคารกรุงไทย , ธนาคารกรุงเทพ (ยกเว้นสาขาไมโคร) บล.ฟินันซ่า บล.ภัทร บลจ.กรุงไทย และ บลจ.เอ็มเอฟซี โดยประมาณการปันส่วนแบ่งในปีแรกอยู่ในระดับที่น่าสนใจที่ 4.75 – 5.301% จากทางพิเศษฉลองรัชและบูรพาวิถีที่กองทุนจะเข้าลงทุนในสิทธิในการรับรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิ 2 ที่จัดเก็บได้เป็นเวลา 30 ปี นับจากวันโอนสิทธิตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ ซึ่งยังมีโอกาสจากการเติบโตของจำนวนรถยนต์ที่จะใช้สายทางเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก “สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 3” จำนวน 600 ล้านหน่วย หน่วยละ 100 บาท รวมวงเงิน 60,000 ล้านบาท เพื่อระดมเงินฝากจากประชาชนทั่วไปสำหรับนำไปใช้เป็นทุนสนับสนุนภาคเกษตรกรรม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าซึ่งถือสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดที่ 2 ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน ให้สามารถฝากเงินกับ ธ.ก.ส. ได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญสลากชุดนี้ยังเป็นตัวเลือกในการออมสำหรับผู้ที่ประสงค์จะออมเงินในระยะยาว เพราะได้ทั้งดอกเบี้ยและยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลมากมาย โดยเริ่มเปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 2561 เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 3 มีอายุ 3 ปี เมื่อฝากครบกำหนดจะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.75 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี กรณีไถ่ถอนก่อนกำหนด จะไม่ได้รับดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังได้ลุ้นรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน รวม 36 ครั้ง ออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 พ.ย. 2561 ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล ๆ ละ 10 ล้านบาท รางวัลที่ 1 ต่างหมวด มี 59 รางวัล ๆ ละ 20,000 บาท รางวัลที่ 2 มี 180 รางวัล ๆ ละ 10,000 บาท รางวัลที่ 3 มี 600 รางวัล ๆ ละ 5,000 บาท รางวัลที่ 4 มี 1,200 รางวัล ๆ ละ 2,000 บาท รางวัลที่ 5 มี 6,000 รางวัล ๆ ละ 1,000 บาท รางวัลเลขท้าย 4 ตัว มี 60,000 รางวัล ๆ ละ 90 บาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว มี 1,200,000 รางวัล ๆ ละ 45 บาท รวมรางวัลทั้งสิ้น 1,268,040 รางวัล เป็นเงิน 83,780,000 บาทต่อเดือน ที่สำคัญดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลทั่วไป และยังสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน (Bank Guarantee) ได้อีกด้วย
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งที่ 1 ในปีงบประมาณ 2562 แบบไร้ใบตราสาร ในวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท รุ่นอายุ 3 ปี 1 เดือน จ่ายอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.46% ต่อปี และรุ่นอายุ 7 ปี 1 เดือน จ่ายอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี กำหนดเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2561 – 29 มี.ค. 2562 ทั้งนี้กำหนดวงเงินซื้อขั้นต่ำต่อรายไว้ที่ 1 หมื่นบาท ผ่านตัวแทนจำหน่าย 4 รายคือ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, และธนาคารไทยพาณิชย์