“ณพ ณรงค์เดช” ฟ้องแพ่ง “กฤษณ์-กรณ์ ณรงค์เดช” แอบขายทรัพย์สินและกิจการ เคพีเอ็นแลนด์ มูลค่าเกือบ 4 พันล้านบาทให้บริษัท ไรมอนด์ แลนด์
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2561 สำนักงานกฎหมายอินดิเพนเดนซ์ ผู้รับมอบอำนาจจากนายณพ ณรงค์เดช ผู้ถือหุ้น บริษัท เคพีเอ็น โฮลดิ้ง จำกัด (KPNH) ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ต.ล.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อบริษัท เคพีเอ็น โฮลดิ้ง และพวก
ในหนังสือแจ้งการฟ้องร้องดังกล่าว ระบุว่า นายณพ ณรงค์เดช ได้ยื่นฟ้องศาลแพ่ง ขอให้ดำเนินคดีในข้อหาละเมิดและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการจัดการบริษัท กับ บริษัท เคพีเอ็น โฮลดิ้ง จำกัด (KPNH) จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย นายกฤษณ์ ณรงค์เดช จำเลยที่ 2, นายกรณ์ ณรงค์เดช จำเลยที่ 3, นายระวี ธาตุนิยม จำเลยที่ 4 และบริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) จำเลยที่ 5
ข้อมูลตามฟ้องโดยสรุป ระบุว่า KPNH มีสถานะเป็นผู้ลงทุนและถือหุ้น 99.99% ใน KPNL ซึ่งนายณพถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่ในทั้งสองบริษัทดังกล่าว
การดำเนินงานของ KPNH และ KPNL ซึ่งมีนายกฤษณ์, นายกรณ์ กับพวก ทำหน้าที่กรรมการผู้มีอำนาจ ตั้งแต่ประมาณเดือน ก.พ. 2561 ได้สร้างความเสียหายหลายประการให้เกิดขึ้นกับบริษัททั้งสอง รวมถึงนายณพ ในฐานะผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต่อมาประมาณปลายเดือน ก.ย. 2561 จำเลยได้อาศัยอำนาจกรรมการดำเนินการจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3/2561 ของ KPNL เพื่ออนุมัติการขายทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดให้กับ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML
ทั้งนี้ KPNL อนุมัติการขายทรัพย์สินและกิจการ มูลค่าเกือบ 4 พันล้านบาทให้กับ RML โดยฝ่ายจำเลยกระทำการผ่านกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีเจตนาแสวงประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น จงใจปกปิดซ่อนเร้นข้อมูลการดำเนินการ เพื่อมิให้นายณพ ซึ่งเป็นโจทก์ มีตำแหน่งเป็นทั้งกรรมการและหรือผู้ถือหุ้นของ KPNH และ KPNL ได้ใช้สิทธิตรวจสอบตามกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์
คำฟ้องระบุด้วยว่า การขายทรัพย์สินดังกล่าว เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์ เดอะ ดิโพลแมท 39 และเดอะ ดิ โพลแมท สาธร ฯลฯ ล้วนเป็นธุรกิจสำคัญของบริษัททั้งสองเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นการขายโครงการและทรัพย์สินของ KPNL ที่มีอยู่ทั้งหมด จึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่าจำเลยทั้ง 5 มีเจตนาแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น จงใจที่จะเลิกกิจการของ KPNL ซึ่งตามขั้นตอนต้องได้รับมติพิเศษจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามกฎหมายเสียก่อน
ทั้งนี้ นายณพ ในฐานะผู้ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมของทั้งสองบริษัทในสัดส่วน 28.50% ย่อมมีสิทธิโดยชอบในการตรวจสอบพิจารณาขายทรัพย์สินดังกล่าว แต่ด้วยการกระทำไม่สุจริตของจำเลยที่จงใจปกปิดซ่อนเร้น ทำให้นายณพไม่ทราบเรื่องราวมาก่อน กระทั่งต่อมาภายหลังได้ส่งผู้รับมอบอำนาจไปเป็นตัวแทนโต้แย้งประเด็นการขายทรัพย์สินในที่ประชุมวิสามัญของ KPNL ครั้งที่ 3/2561 แต่ไม่เป็นผล
นอกจากนั้น ฝ่ายจำเลยยังกระทำละเมิดต่อโจทก์อีกหลายประการ เช่น ไม่มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่จะขายอย่างแท้จริง และยอมรับการจ่ายค่าขายทรัพย์สินเป็นหุ้นในราคาที่ต่างจากราคาตลาด ซึ่งอาจทำให้ KPNL ต้องเสียหายขาดทุนหากมีการโอนขายทรัพย์สินและกิจการของ KPNL และพฤติกรรมของจำเลยอาจเข้าข่ายเป็นกรรมการผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สิน กระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ซึ่งโจทก์อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรม และรักษาสิทธิที่พึงมีพึงได้ของตนตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ สำนักงานกฎหมายอินดิเพนเดนซ์ ยังส่งหนังสือแจ้งการฟ้องร้องไปยังกรรมการผู้จัดการและคณะกรรมการ RML ด้วย
อ่านประกอบ