ดาวโจนส์ปิดลบ วิตกเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 34 จุด ดัชนี S&P500 ร่วง 0.61% Nasdaq -1.00% แรงขายกลุ่มเทคโนโลยีนำ นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 3.64% วิตกดอกเบี้ยยังคงเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางการรายงานผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 33,891.02 จุด ลดลง 34.99 จุด หรือ 0.10% โดยกลุ่มเทคโนโลยีนำการปรับลดลง ด้วยนักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความวิตกว่าดอกเบี้ยยังคงเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,111.08 จุด ลดลง 25.40 จุด, -0.61%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,887.45 จุด ลดลง 119.50 จุด, -1.00%

นอกจากนี้นักลงทุนทำกำไรหลังตลาดปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นกว่า 7% แล้วในปี 2023 นี้ ส่วนดัชนี Nasdaq บวกติดต่อกัน 5 สัปดาห์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ 3.64% ขณะที่อัตราผลตอยแทนพันธบัตรอายุ 2 เพิ่มขั้นมาที่ 4.48%

หุ้นแอปเปิ้ลลดลง 1.8% ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกทั้ง ทาร์เก็ต และไนกี้ก็ปรับตัวลดลง

จอร์จ ซิโพลโลนี จาก Penn Mutual Asset Management กล่าวว่า นักลงทุนตระหนกหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้นมากติดต่อกันสองวัน โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีที่มีผลต่อตลาด

นอกจากนี้การเผยแพร่ข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ทำให้กลบความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจจะยั้งการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

นักลงทุนยังจับตาการให้ความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐที่มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดโดย Economic Club of Washington ซึ่งคาดว่ายังคงแนวทางนโยบายการเงินเข้มงวด รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาวยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ

บริษัทจดทะเบียนยังคงทะยอยรายงานผลประกอบการ โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ลดลง 4.6% จากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด และนักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลประกอบการ ในสัปดาห์นี้ จากบริษัทใหญ่ทั้งดิสนีย์ ดูปองท์ และเป๊ปซี่โค เพื่อดูว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดก่อนหน้านี้มีผลต่อฐานะการเงินบริษัทหรือไม่

โกลด์แมน แซคส์ปรับลดโอกาสที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยลงเป็น 25% จาก 35% ที่ประในไว้ก่อนหน้านี้

นักลงทุนยังรอการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ นำโดยกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยทั้งกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 2.1% กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ด้วยความกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยโลกรอบนี้จะยาวนานกว่าที่คาด

ข้อมูลการจ้างงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้กังวลว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐกับจีนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสินค้าหรูที่มีธุรกิจในตลาดจีนปรับตัวลดลง โดยหุ้นแอร์เมส หลุยส์วิตตอง และเคอริ่ง ลดลง 1.8-3.8%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 457.16 จุด ลดลง 3.61 จุด, -0.78%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,836.71 จุด ลดลง 65.09 จุด, -0.82%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,137.10 จุด ลดลง 96.84 จุด, -1.34%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,345.91 จุด ลดลง 130.52 จุด, -0.84%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล