HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 3.27 จุด ได้แรงหนุนจากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หลังเงินเฟ้อชะลอตัวลง ส่งมองดอกเบี้ยเฟดใกล้จุดพีค-หลีกเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอยได้ ส่งเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง สะท้อนบอนด์ยีลด์ปรับลง แต่ราคาน้ำมันทรุดตัวลงหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเกินคาด-Fund flow ต่างชาติชะลอ อาจกดดันดัชนีผันผวน
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 2 ก.พ.2566 ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ระดับ 1,689.02 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด หรือ +0.19% มูลค่าซื้อขาย 3,024.13 ล้านบาท
บล.กรุงศรี มอง SET แกว่งตัว 1,680 – 1,695 จุด ภาวะตลาดได้แรงหนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 4.75% ตามคาดหลังเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลง รวมถึงแรงซื้อหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัว อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเกินคาด , Fund flow ต่างชาติที่ชะลอตัว และการลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป ( ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ ( BoE) จะกดดันให้ดัชนีผันผวน
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มอง ET Index แกว่งตัวในแดนบวกได้ต่อเนื่องกรอบ 1,680-1,695 จุด ตามบรรยากาศการลงทุนที่สดใสหลังตลาดตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุมและถ้อยแถลงของประธานเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยยังคงมุมมองอัตราดอกเบี้ยเฟดใกล้ถึงจุดพีค เงินเฟ้อชะลอตัว และเศรษฐกิจมีโอกาสหลีกเลี่ยงถดถอย ( Recession) ได้ ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้นรวมถึงพันธบัตร สะท้อนผ่าน อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield) ที่ปรับตัวลง มีเพียงน้ำมันที่ปรับตัวลดลงหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นแรง ทำให้กลุ่มน้ำมันไม่มีแรงหนุน ขณะที่ Anti-Commodity และ Consumption Play กลับมาฟื้นตัว
ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุม ECB และ BoE ซึ่งตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกฝั่งละ 0.50% เป็น 2.50% และ 4% ตามลำดับ ในประเทศยังคงรอการประกาศกำไรไตรมาส 4/65 ของบริษัทซึ่งจะทยอยหนาแน่นขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมถึงพัฒนาการทางการเมืองโดยเฉพาะประเด็นโอกาสยุบสภา หากมีจังหวะอ่อนตัวของดัชนียังมองเป็นโอกาสทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบไตรมาส 4/65 แข็งแรง
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK อยู่ที่ 145.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.35% มูลค่าซื้อขาย 271.59 ล้านบาท
BANPU อยู่ที่ 11.60 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 127.34 ล้านบาท
KCE อยู่ที่ 56.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +1.80% มูลค่าซื้อขาย 108.94 ล้านบาท
DELTA อยู่ที่ 904.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ +0.67% มูลค่าซื้อขาย 105.36 ล้านบาท
WHA อยู่ที่ 3.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ +2.06% มูลค่าซื้อขาย 100.28 ล้านบาท