IAA คาดปี 66 กนง.ขึ้น ดบ. 0.50-0.75% แนะจัดพอร์ตหุ้นไทย-ตปท. 52%

HoonSmart.com>>สมาคมนักวิเคราะห์ฯ หรือ IAA เผยผลสำรวจปี 66 นักวิเคราะห์ 46% คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และ 42% คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.75%  แนะจัดพอร์ตลงทุนในหุ้นไทย 28.52%, หุ้นต่างประเทศ 23.60% และกองทุนตราสารหนี้ 20% คาด SET ไตรมาส 1/66 ปิดที่ 1,694 จุด ทั้งปีจะแกว่งในกรอบ 1,554-1,773 จุด และปิดสิ้นปีที่ 1,741 จุด แนะนำ 5 หุ้นเด่น ADVANC, AOT, BBL, COM7, CPALL

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analysts Association หรือ IAA) เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนปี 2566 สรุปได้ดังนี้

สมมติฐานหลัก มีการปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้ จาก 98.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาเป็น 87.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและคาดการณ์ การขยายตัวของ GDP ไทย ปี 66 ที่ 3.60%

ทิศทางการลงทุนในปี 66 นี้ จะได้ผลบวกที่ชัดเจนมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ เศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมีผู้โหวตถึง 96.15% และผลประกอบการ บจ.ปี 66 มีผู้โหวต 80.77% ตามมาด้วย Fund Flows จากต่างประเทศสู่ตลาดหุ้นไทย มีผู้โหวต 76.92% และปัจจัยการเมืองในประเทศ มีผู้โหวต 73.08%

ส่วนปัจจัยด้านลบ มาจาก ปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก มีผู้โหวตมากถึง 88.46% รองลงมาคือ การลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก มีผู้โหวต 62.96% และ ตามติดมาด้วย ปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ มีผู้โหวต 53.85%

ปัจจัยที่ควรจับตามองที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาสแรก ผู้ตอบส่วนใหญ่มองว่าการกลับมาเปิดประเทศของจีน และการเลือกตั้งภายในประเทศ

ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในปี 66 นักวิเคราะห์ทุกสำนักคาดว่ามีการปรับขึ้น โดย 46.15% คาดว่าจะปรับขึ้น 0.50% รองลงมามี 42.31% มองว่าปรับขึ้น 0.75% ส่วนที่เหลือมีผู้ตอบ 7.69% ที่มองว่าจะปรับขึ้น 0.25% และมี 3.85% ที่มองว่าปรับขึ้น 1% หรือมากกว่า ตามลำดับ

ส่วนทางด้านคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 66 ของตลาดเฉลี่ยที่ 105.34 บาท เพิ่มขึ้นกว่าผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 100.36 บาทต่อหุ้น และครั้งนี้คาดการณ์  EPS Growth ของปี 66 อยู่ที่ 7.06%

ทางด้าน คาดการณ์ SET Index ในช่วงไตรมาสแรกของปี 66 ถูกคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 65 โดยจะปิด สิ้นไตรมาสแรกที่ 1,694 จุด และเมื่อมองตลอดปี จะแกว่งตัวในกรอบ  1,554 ถึง 1,773 จุด และคาดการณ์ว่าสิ้นปี 66 จะปิดที่ 1,741 จุด
โดยความเห็นต่อการลงทุนหุ้นต่างประเทศ / กองทุนหุ้นต่างประเทศ แนะนำกองทุนหุ้นจีน และเวียดนาม จากการเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาปกติอีกครั้ง

สำหรับในการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก ธนาคาร การท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

รายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำโดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป มีดังนี้  (เรียงชื่อตามอักษรย่อ)1. ADVANC เป็นหุ้น Defensive ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอราว 4% ต่อปี และประมาณการณ์กำไรมี Upside จากการต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจการเงิน คือ Virtual Bank
2. AOT  มองว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรหลังการท่องเที่ยวฟื้นตัว
3. BBL โดยมองว่าได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ภาคธุรกิจ
4. COM7  ปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยที่สูงขึ้น 2) การครอบครองมือถือ 5G ที่สูงขึ้น และ 3) เดินหน้าขยายสาขา 150 แห่งตามแผนต่อเนื่อง (ปี 2022 ขยายไปแล้ว 113 สาขา)
5. CPALL ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคฟื้นตัวต่อรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หนุนการขยายตัวของ Same Store Sales Growth (SSSG)

นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังพรรคการเมืองเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ คุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แยกเป็นการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ถัดมา นโยบายที่เพิ่มกำลังซื้อแก่ประชาชน เพื่อกระตุ้นการบริโภค ได้แก่ ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ชะลอการเก็บภาษีหุ้น อีกทั้งพัฒนาฝีมือแรงงาน / ระบบการศึกษาไทย และตามมาด้วย การช่วยเหลือภาคธุรกิจ ได้แก่ นโยบายกระตุ้นการลงทุน สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ขยายตลาดส่งออก

 

#IAA #ADVANC #AOT #BBL #COM7 #CPALL