‘พีระพงศ์-อารดา’ ซื้อหุ้น BRI เพิ่ม ‘กลุ่มจรูญเอก’ ถือเกิน 50%

HoonSmart.com>>’พีระพงศ์-อารดา’ ยืนเก็บหุ้น “บริทาเนีย”รวม 50 ล้านหุ้น 5.88% ทุนพีรดาถือ 1.02% ถือผ่าน “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้”อีก 43.16% แนวโน้มกำไรโตโดดเด่นปี 65-66 

นาย พีระพงศ์ จรูญเอก กรรมการ บริษัท บริทาเนีย (BRI) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 29 ธ.ค.2565 ได้ซื้อหุ้นจำนวน 2,402,800 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.67บาท เป็นเงินประมาณ 28 ล้านบาท ทำให้มีหุ้นทั้งสิ้น 20,077,322 หุ้น เพิ่มขึ้นจากจำนวนการถือหุ้นครั้งปิดสมุดทะเบียนล่าสุดวันที่ 11 มี.ค.2565 จำนวน 10,196,222 หุ้นหรือ 1.20%  และนางอารดา จรูญเอก คู่สมรส ซื้อจำนวน 2 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ย 11.40 บาท เป็นเงิน 2.28 ล้านบาท ส่งผลให้มีหุ้นรวม 30,030,391 หุ้น จากเดิมไม่ถือหุ้นโดยตรงแต่อย่างใด

ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัทบริทาเนีย เป็นบริษัทลูกของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ถือหุ้นทั้งหมด 100%  เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก(IPO) จำนวน 230.2 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 27.0% โดย ORI คงเหลือหุ้นจำนวน 599,999,940 หุ้น สัดส่วน 70.37% ส่วนนายพีระพงศ์ และนางอารดาถือหุ้นคนละ 20 ล้านหุ้น

ปัจจุบันกลุ่มครอบครัวจรูญเอก มีการซื้อหุ้น BRI กลับคืนจำนวนมาก แม้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับจากวันแรกเข้าจดทะเบียนวันที่  21 ธ.ค. 2564 ปิดที่ 11 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO ที่ 10.50 บาท จากการปิดสมุดทะเบียนครั้งล่าสุด 11 มี.ค.2565 บริษัท ORI ยังคงถือหุ้นใหญ่จำนวน 70.37% อันดับสองบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ ถือ 2.12% อันดับสาม นาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล (เสี่ยปู่) ถือ 16,228,600 หุ้นสัดส่วน 1.90% 4.นายพีระพงศ์ถือ 1.20% 5.บริษัท ทุนพีรดา ถือ 8,710,830 หุ้นหรือ 1.02% และ6. นาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล โดย บล.เคทีบีเอสที ถือ 6,924,717 หุ้นหรือ 0.81%

ขณะเดียวกันกลุ่มครอบครัวจรูญเอก ถือหุ้น BRI ทางอ้อม ผ่านการถือหุ้น ORI จำนวน 61.34% ของทุนชำระแล้วทั้งหมด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564

“นายพีระพงศ์ และ นางอารดาถือหุ้น BRI รวม 50 ล้านหุ้น หรือประมาณ 5.88% บริษัททุนพีรดาถือ 1.02% และผ่านทาง ORI  สัดส่วน 43.16% โดยรวมกลุ่มจรูญเอกถือหุ้น BRI ทั้งสิ้นประมาณ 50%”

บริษัท บริทาเนีย พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และทาวน์เฮ้าส์ และอสังหาริมทรัพย์อื่นที่มีลักษณะเดียวกัน มีผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น ไตรมาสที่ 3 /2565 มีกำไรสุทธิ 330.56 ล้านบาทหรือ 0.3877 บาทต่อหุ้นเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 164.59 ล้านบาทหรือ 0.2743 บาท รวม 9 เดือนมีกำไรทั้งสิ้น 1,059.42 ล้านบาทหรือ 1.2425 บาท เพิ่มขึ้นจากที่มีกำไรสุทธิ 452.30 ล้านบาทหรือ 0.7538 บาทต่อหุ้นในระยะเดียวกันปีก่อน

นักวิเคราะห์ 5 รายคาดการณ์กำไรปี 2565 มากกว่า 1,300 ล้านบาท ส่วนปี 2566 บล.หยวนต้าคาดการณ์กำไรมากกว่า 1,567 ล้านบาท

“นักวิเคราะห์ 5 รายให้ ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 12.72 บาท โดยบล.กสิกรไทยให้มูลค่าสูงที่สุด 13.30 บาท และบล.ฟินันเซียไซรัสให้ต่ำที่สุด 12 บาท จากการคาดการณ์กำไรปี 2565 จำนวน 1,328 ล้านบาท และปีนี้ลดลงเหลือ 1,246 ล้านบาท”

ด้านราคาหุ้น  BRI เคยขึ้นสูงสุด 14.40 บาท ต่ำสุด 9.20 บาท ในรอบ 52 สัปดาห์ ล่าสุดปิดครึ่งวันปิดที่ 11.70 บาท ลดลง 0.40 บาทหรือ -3.31%