HoonSmart.com>>”เอเชีย กรีน เอนเนอจี”(AGE) สยายปีกขยายตลาดเชิงรุกปี 66 ทั้งธุรกิจถ่านหิน–โลจิสติสก์-เทรดดิ้ง เต็มสูบ หวังต่อยอดปั๊มรายได้ปีหน้าทะลุนิวไฮรอบใหม่-เป้าแตะระดับ 23,400 ล้านบาท ขณะที่เป้าปริมาณขายถ่านหินปี 66 ที่ 5.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่คาดจะมี 4.5 ล้านบาท รับดีมานด์การฟื้นตัวของเศรฐกิจโลก
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจ ในปี 2566 ว่า บริษัทฯ ยังเดินหน้าหน้าขยายการดำเนินงานในธุรกิจหลักในกล่มธุรกิจถ่านหิน อย่างต่อเนื่อง เพราะดีมานด์การใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม ยังเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากยังมองว่าต้นทุนการใช้ถ่านหินในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมถูกกว่าการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอื่น ๆ ส่งผลให้บริษัทฯ เดินเกมรุกในการขยายตลาดถ่านหินทั้งในถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการขยายการให้บริการด้านการขนส่งในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ที่ยังคงมีความต้องการด้านการลงทุนสินค้าโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ ทางบริษัทฯมองว่าในปี 66 ดีมานด์ในอุตสาหกรรมการขนส่งด้านโลจิสติกส์ยังคงเติบโตได้ดี ซึ่งการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลเชิงบวกต่อการให้บริการของ AGE เช่นเดียวกันธุรกิจเทรดดิ้งจากการจำหน่ายสินค้ามันสำปะหลังเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปีนี้จำนวน 80 ล้านบาท
นายพนม กล่าวว่า การขยายตัวของธุรกิจถ่านหินโดยหลักแล้วมาจากความต้องการใช้ถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากช่วงโควิด และผู้ประกอบการเริ่มกลับมาทยอยสั่งซื้อถ่านหิน เพื่อรองรับการผลิตสำหรับปี 66 เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินในปี 66 ไว้ที่ระดับ 5.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่ประมาณการณ์ปริมาณการขายถ่านหินไว้ที่ 4.5 ล้านบาท
ส่วนการให้บริการ ขนส่งโลจิสติกส์ (ขนส่งน้ำ-บก-คลังสินค้า) บริษัทฯ มีแผนจัดซื้อรถบรรทุก เพิ่มขึ้นอีก 22 คัน ซึ่งจะทยอยรับมอบในปีครึ่งปีแรกของปี 66 จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 23,400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจถ่านหิน 22,200 ล้านบาท ธุรกิจโลจิสติกส์ 800 ล้านบาท และธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าเกษตร 400 ล้านบาท
จากปัจจัยความผันผวนของราคาถ่านหินที่ยังมีต่อเนื่องในปี 66 ทำให้บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการต้นทุนในด้านต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการดูแลบริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่ผู้ร่วมตลาดทุนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุน ผู้ลงทุนสถาบัน และนักวิเคราะห์การลงทุน ให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) มาใช้ประกอบการวิเคราะห์การลงทุน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นการสอดรับกับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 66 บริษัทฯ ได้เตรียมเงินลงทุนไว้ 140 ล้านบาท เพื่อใช้รองรับการขยายการลงทุนเพิ่ม อาทิ รถบรรทุกเพิ่ม 22 คัน มูลค่า 78 ล้านบาท ลงทุนโกดังเก็บสินค้ามูลค่า 50 ล้านบาท รวมถึงลงทุนในระบบบริหารจัดการเพิ่ม IT มูลค่า 10 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระยะยาว
ส่วนความคืบหน้าธุรกิจลิสซิ่งนั้น นายพนม กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้ส่งมอบรถบรรทุกในโครงการ “เถ้าแก่น้อย” นำร่องเฟสที่ 1 จำนวน 7 ราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เป็นการสานฝันให้กับพนักงานขับรถที่อยากเป็นเจ้าของรถ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ที่มุ่งหวังเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจครบทุกมิติ