คณะกรรมการ EEC เห็นชอบหลักการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอีก 4 โครงการ คาดออกหนังสือชี้ชวนให้เอกชนมาร่วมลงทุน ต.ค.นี้ เปิดดำเนินการได้กลางปี 2565-ต้นปี 2568 รวมโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินด้วย เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศ 819,662 ล้านบาท
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า บอร์ด EEC เห็นชอบหลักการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ อีก 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 4.7 แสนล้านบาท คาดว่าจะออกหนังสือชี้ชวนให้เอกชนมาร่วมลงทุนได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ก่อนหน้านี้บอร์ดเคยเห็นชอบโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
สำหรับ 4 โครงการดังกล่าว ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกของกองทัพเรือ มูลค่าลงทุนรวม 290,000 ล้านบาท (ภาครัฐ 17,768 ล้านบาท ภาคเอกชน 272,232 ล้านบาท) , 2.โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา ของบริษัทการบินไทย มูลค่าลงทุนรวม 10,588 ล้านบาท (ภาครัฐ 6,333 ล้านบาท ภาคเอกชน 4,255 ล้านบาท), 3.โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มูลค่าลงทุน 114,047 ล้านบาท และ 4.โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 มูลค่าลงทุน 55,400 ล้านบาท (รวมเงินลงทุนทั้งหมด ท่าเรือก๊าซ ท่าเรือสินค้าเหลว และพื้นที่คลังสินค้า)
ทั้งนี้ โครงการที่ 1 และ 3 คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2566 ส่วนโครงการที่ 2 ประมาณกลางปี 2565 และโครงการที่ 4 เปิดต้นปี 2568
บอร์ด EEC ให้ความเห็นชอบการลงทุน 5 โครงการสำคัญ จะมีเงินลงทุนรวม 652,559 ล้านบาท แบ่งเป็น ภาครัฐ 209,916 ล้านบาท (32%) ภาคเอกชน 442,643 ล้านบาท (68%) ขณะที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศ อยู่ที่ 819,662 ล้านบาท ไม่นับรวมการจ้างงาน ส่วนผลตอบแทนทางการเงินโครงการ 559,715 ล้านบาท แบ่งเป็น ภาครัฐ 446,960 ล้านบาท ภาคเอกชน 112,755 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบ 8 แผนงานระยะเร่งด่วน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลระยะเวลา 5 ปี เพื่อรองรับ EEC เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของภูมิภาค ประกอบด้วย แผนงานที่ 1 การพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล และสถาบัน IoT
แผนงานที่ 2 การพัฒนา Advanced Big Data, Cloud and Data Center (ABCD)
แผนงานที่ 3 การพัฒนาศูนย์กระจายพัสดุภัณฑ์อัตโนมัติ (Automated Postal Distribution Center)
แผนงานที่ 4 IoT SMART City
