HoonSmart.com>>น้องใหม่ “เดอะคลีนิกค์ฯ” เดือด! ตามคาด ปิดวันแรกที่ 41.50 บาท สูงกว่า IPO 69.39% เก็งกำไรสนั่นถึง 143.84 ล้านหุ้น จากเสนอขาย IPO เพียง 60 ล้านหุ้น บล.ดาโอคาดปี’65 โกยกำไร 195 ล้านบาท โต 51% ปีหน้าโต 41% ชี้niqราคาเป้าหมาย 30 บาท ขาใหญ่ “ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา-วิชัย วชิรพงศ์-คเชนทร์ เบญจกุล-พีรนาถ โชควัฒนา” อู้ฟู่ ด้านหุ้น ‘เบทาโกร’ ลงต่อ ปิด 36.50 บาท “กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง” ขาย 13.50 บาท
หุ้นบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันแรก 7 พ.ย.2565 ปิดที่ระดับสูงสุด 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 17.00 บาท หรือ +69.39% จากราคาขาย IPO ที่ 24.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 5,563.35 ล้านบาท ปริมาณการซื้อขายมากถึง 143.84 ล้านหุ้น ขณะที่เสนอขาย IPO เพียง 60 ล้านหุ้น และทุนชำระแล้ว 220 ล้านหุ้น
หุ้น KLINIQ แจกกำไรให้กับคนจองซื้อเฉียด 70% โดยมีนักลงทุนรายใหญ่ร่วมถือหุ้น 4 ราย ได้แก่ นาย ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ถือ 5.8 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.64% นาย วิชัย วชิรพงศ์( เสี่ยยักษ์) ถือ 2.5 ล้านหุ้น หรือ1.14% นาย คเชนทร์ เบญจกุล ถือ 2.4 ล้านหุ้นหรือ 1.10% และ นาย พีรนาถ โชควัฒนา ถือ 2.4 ล้านหุ้นหรือ 1.10%
อย่างไรก็ตาม บริษัท เอกชัยการแพทย์ (EKH) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สี่ จำนวน 16 ล้านหุ้นหรือ 7.27% ราคาหุ้น EKH กลับลดลง -1.18% ปิดที่ 8.35 บาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คาดบริษัท เดอะคลีนิกค์ฯกำไรสุทธิปี 64-66 CAGR สูงถึง 46% สำหรับปี 65 คาดกำไรสุทธิที่ 195 ล้านบาท (+51% ) และปี 66 ประเมินกำไรสุทธิที่ 275 ล้านบาท (+41% ) จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ The Klinique ที่เติบโตสูงต่อเนื่องจากการขยายสาขา (ปี 65/66 เปิดเพิ่ม 7/5 สาขาตามลำดับ) และปรับเพิ่มโปรแกรมการรักษาให้ครอบคลุมความต้องการผู้ใช้บริการ และยังมี upside จากลูกค้าต่างชาติ พร้อมประเมินราคาเป้าหมายที่ 30 บาท อิง 2566 P/E 23.6 เท่าต่ำกว่า ค่าเฉลี่ย peer กลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากมองว่า KLINIQ ให้บริการเฉพาะในกลุ่ม Aesthetic, Wellness และศัลยกรรมความงามเท่านั้น เทียบกับกลุ่ม โรงพยาบาลที่มีบริการครอบคลุมในทุกด้าน
สำหรับหุ้นน้องใหม่ บริษัท เบทาโกร (BTG) ราคายังคงปรับตัวลง ปิดที่ต่ำสุด 36.50 บาท ติดลบ 2.67% หลังจากพยายามตีขึ้นไป 38 บาท และยังต่ำกว่าราคา IPO ที่ 40 บาท
ด้านหุ้น บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(TEGH) ราคาเคยต่ำจอง เริ่มตีตื้นขึ้นมาปิดที่ 4.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาทหรือ 3.36%
ส่วนบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) เตรียมเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก(IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 13.50 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทหุ้น โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย.2565 โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดสินค้าอุตสาหกรรมภายในเดือน พ.ย.นี้ ทั้งนี้ราคาขายประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ ( P/E) 13.99 เท่า ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานหรือความสามารถในการทำกำไรในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน
หุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 22,199,800 หุ้น คิดเป็น 19.14% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด