HoonSmart.com>> หุ้นไทยปิดบวก 0.60 จุด แกร่งกว่ายุโรป-ภูมิภาค ฮ่องกงนำดิ่งกว่า 3% ส่วนเงินบาทอ่อนปิด 37.97 บาท/ดอลลาร์ ดีกว่าหยวน-ริงกิตมาเลเซีย-ดอลลาร์สิงคโปร์ หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็น 4.00% ส่งสัญญาณอาจไม่ชะลอเร่งขึ้นดอกเบี้ย แม้ตลาดคาดเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 0.50% ส่วนธนาคารกลางหลายแห่งจ้องขึ้นตาม ตลาดคาดอังกฤษขึ้นอีก 0.75% เป็น 3.00%
วันที่ 3 พ.ย.2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลง ทั้งตลาดยุโรปและในภูมิภาค นำโดยฮ่องกงทรุดลง -3% ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลง -140 จุด หรือ -0.40% ส่วนตลาดไทยแกร่งมีแรงซื้อหุ้นแบงก์ใหญ่หนุนดัชนีปิดที่ระดับ 1,625.62 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด หรือ +0.04% มูลค่าซื้อขาย 52,198.84 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 3,029 ล้านบาท และซื้อตราสารหนี้ 4,129 ล้านบาท
ด้านค่าเงินบาทอ่อนตัวลงปิดที่ 37.97 บาท ดีกว่าหลายสกุลเงินในภูมิภาคเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น หยวนของจีน ริงกิตมาเลเซีย และดอลลาร์สิงคโปร์ หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็น 4.00 % ในการประชุมในเดือนพ.ย. และประธานเฟดส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยปลายทางของสหรัฐยังไม่ถึงจุดพีค แม้อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลงในการประชุมเดือนธ.ค.2565 ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังส่งสัญญาณปรับขึ้นต่อ และธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอีก 0.75% เป็น 3.00% ธนาคารกลางมาเลเซีย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในวันนี้
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การตัดสินนโยบายล่าสุดของเฟดและการสื่อสารเกี่ยวกับแนวนโยบายในอนาคต เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ โดยขณะนี้เฟดมุ่งมั่นที่จะดูแลเงินเฟ้ออย่างเต็มที่ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะยาว ฃ
“หลังการประชุมอาจเห็นความผันผวนระยะสั้นในตลาดการเงินโลกและไทยบ้าง ซึ่งธปท.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงเช้าค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 0.8% และดัชนีค่าเงินบาท (เทียบสกุลภูมิภาค) อ่อนลง 0.34% ด้านเงินทุนเคลื่อนย้ายยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ ภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง””
ส่วนการดำเนินนโยบายของไทยในระยะต่อไป ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับบริบทของไทยเช่นกัน ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน โดยการดำเนินนโยบายจะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และให้ทันกาล ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้สื่อสารมาต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 2 พ.ย.65 เงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 11% โดยถือว่าอ่อนในระดับกลาง ๆ เทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาทอ่อนลงเพียง 0.7% สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังมีฐานะเป็นซื้อสุทธิในสินทรัพย์ไทยประมาณ 1.1 แสนล้านบาท (ซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์กว่า 1.6 แสนล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 5 หมื่นล้านบาท)
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้แกว่งแคบ หลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด แต่กังวลการส่งสัญญาณจากเฟดที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาด โดยมองการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจสูงกว่าที่เคยพูดไว้เดิม และยังไม่ยุติการขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงอาจจะไม่ชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยด้วย สร้างความกังวลให้กับตลาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ต่างปรับตัวลง
ส่วนตลาดหุ้นไทยบวกได้สวนทางตลาดต่างประเทศ เป็นผลจากแรงขายในตลาดต่างประเทศออกมาจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งตลาดไทยไม่มี แต่กลัวนักลงทุนต่างชาติจะขาย ทำให้ตลาดแกว่งแคบในลักษณะซึม ๆ พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ซึ่งอาจทำให้เล่นหุ้นได้เป็นรายตัว และติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.)
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 4 พ.ย.2565 ตลาดคงจะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,612 จุด แนวต้าน 1,631-1,642 จุด