HoonSmart.com>>ITNS กำเงินเพิ่มทุน ลุยเพิ่มยอดขาย “สมชาย อ่วมกระทุ่ม” ซีอีโอ ปักธง 3 ปี มั่นใจยอดขาย 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 3-5 เท่า
บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) ประสบความสำเร็จการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น และหุ้นที่นำมาสำรองอีก 10 ล้านหุ้น จากผู้ถือหุ้นเดิม (Greenshoe ) ผลการจองซื้อขายหมดเกลี้ยง โดยนักลงทุนมีความต้องการสูงมากกว่าจำนวนจัดสรร
เนื่องจาก ITNS เป็น 1 ในบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครบวงจร ผู้บริหาร “ สมชาย อ่วมกระทุ่ม” และ น.ส.นาตยา นันทวนิช มีประสบการณ์ในธุรกิจไม่น้อยกว่า 20 ปี
ความเป็นมา
“สมชาย อ่วมกระทุ่ม” ผู้ถือหุ้นใหญ่ราว 43-47% หลัง IPO ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้คร่ำหวอดในวงการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารครบวงจร รวมทั้งจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร , ซ่อมแซมบำรุงรักษษ รวมไปถึงการให้เช่าอุปกรณ์
“สมชาย” เล่าว่า เดิมเป็นพนักงานขาย ร่วมงานในบริษัทแห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณ 10 ปี ทีมงานขายของเขา สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 2,000 ล้านบาท ก่อนออกมาร่วมธุรกิจกับน.ส.นาตยา นันทวนิช ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ITNS ชวนร่วมทุนและขายหุ้นส่วนใหญ่ให้ เพื่อให้บริษัทเติบโตก้าวหน้ากระทั่งนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai)
จุดแข็ง-จุดเด่น
“สมชาย” เล่าว่า ITNS เป็นคู่ค้าระดับ Gold Certified Partner ของ CISCO ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของพันธมิตร โดย CISCO เป็นผู้นำอุปกรณ์ IT ระดับโลก นอกจากนี้เอ็นจิเนีย ของ ITNS มีจำนวนถึง 14 คน ซึ่งแต่ละคนได้ใบรับรองการทำงานจาก CISCO โดย 4 คน ได้ระดับสูงสุดจาก Gold Certified Partner
ณ สิ้นปี 2564 ประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่ได้รับ Gold Certified Partner ทั้งหมดจำนวน 17 ราย ขณะที่ ITNS มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่อันดับที่ 14
เมื่อถามถึงหัวใจขององค์กร คือ เอ็นจิเนียทั้ง 14 คน นั้น ซีอีโอ บอกว่า บริษัท ฯ ไม่มีปัญหาสมองไหล ส่วนใหญ่ทำงานกันยาว ๆ เพราะ “สมชาย” มีใจให้ลูกน้องทุกคน เข้าถึงพนักงาน เนื่องจากเคยเป็นเซลล์แมน มาก่อน เข้าใจหัวอกพนักงาน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมแก้ไข
“ไม่เฉพาะพนักงาน ที่ผมและบริษัทดูแลอย่างดีแล้ว ลูกค้าก็คือส่วนสำคัญ ที่บริษัท ฯ ดูแลและเข้าถึงลูกค้า ทำให้ลูกค้าอยู่กับบริษัทมานาน ลูกค้ามีความต้องการให้บริษัททำงาน แต่ด้วยเงินทุนที่หมุนเวียนกิจการ มีไม่เพียงพอกับการรับงาน เป็นเหตุให้บริษัทระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ MAI
ระดมทุนเพื่อโต
นายสมชาย กล่าวว่า การระดมทุนเข้าตลาด เอ็มเอไอ เป็นก้าวสำคัญของการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนโครงการในอนาคต ขยายธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ เพื่อสร้าง Recurring income รวมถึงมีเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน อีกทั้งการระดมทุนในครั้งนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุน และประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ ITNS
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของหุ้น ITNS ประกอบด้วย 1) เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและอย่างรวดเร็ว แต่ละองค์กรจำเป็นต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงระบบ IT เป็นประจำสม่ำเสมอ ประกอบกับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ IT ต่าง ๆ ซึ่งมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี
2) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ทุกองค์กรจะจัดเก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความอ่อนไหวด้านความลับ และเป็นข้อมูลเชิงกลยุทธ์สำหรับองค์กร แต่หากเกิดการรั่วไหลของข้อมูล อาจสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับองค์กรนั้นได้
3) Business Transformation ปัจจุบันทุกภาคส่วนของธุรกิจได้เร่งทำ Business Transformation เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคารและการเงิน
4) Business Strategy หลายองค์กรได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาช่วยในการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงาน รวมไปถึงการวางแผนธุรกิจที่เพิ่มผลกำไรให้มากขึ้น และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
5) วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) รูปแบบการทำงานขององค์กรเปลี่ยนไปเป็นการทำงานแบบรีโมท (Remote Work) และทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น
ปักธง 3 ปี ยอดขาย 2,000 ล้าน
ซีอีโอ กล่าวว่า กิจการจะเติบโตได้ ต้องมีเงินทุนหมุนเวียน เช่น ยอดขาย 400 ล้านบาท ต้องมีเงินทุน 100 ล้าบาท จะหมุนเวียนได้ 3-400 ล้านบาท เป็นเหตุให้บริษัทรับงานตามเงินทุนหมุนเวียนที่มี และภายหลังระดมทุนในตลาดทุนแล้ว มั่นใจว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามเงินทุนที่ได้รับมา เชื่อว่าไม่ยากที่จะสร้างยอดขายกลับไป 2,000 ล้านบาท ได้ภายในเวลา 2-3 ปีข้างหน้า หรือเติบโต 3-5 เท่าจากปัจจุบัน
ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2565 มีงานในมือ 520 ล้านบาท โดยรับรู้รายได้แล้ว 175 ล้านบาท และคาดการณ์สิ้นปี รับรู้รายได้เข้ามาอีก 370 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 มีรายได้ 370 ล้าน คาดว่าปี 2565 มีโอกาสที่สร้างผลงานทั้งรายได้ และกำไรเติบโต สร้างสถิติสูงสุดใหม่ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน ปี 2562 – 2564 และงวด 6 เดือนแรก/ 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 282.63 ล้านบาท 375.39 ล้านบาท 370.95 ล้านบาท และ 176.05 ล้านบาท ตามลำดับ
ด้านโครงสร้างรายได้หลัก จำหน่ายอุปกรณ์ และให้บริการติดตั้ง 72.64 – 77.74 % ของรายได้รวม , รองลงมา รายได้จากการให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย 18.44 – 24.91% ของรายได้รวม และรายได้ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์ 1.30 – 8.01 %ของรายได้รวม